3เอ็ม ปรับกลยุทธ์เสริมศักยภาพด้านซัพพลายเชน

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

3เอ็ม ปรับกลยุทธ์เสริมศักยภาพด้านซัพพลายเชน

การแพร่ระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงของปริมาณความต้องการสินค้า และการขาดแคลนแรงงาน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Supply Chain (ซัพพลายเชน) หรือห่วงโซ่อุปทาน ที่เป็นกระบวนการเริ่มตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบและสิ้นสุดเมื่อส่งสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยมาตรการจำกัดการเดินทางและการคมนาคมในการขนส่งสินค้า อีกทั้งการหยุดการผลิตเนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน ส่งผลให้ซัพพลายเชนทั่วโลก รวมทั้งสินค้าที่จำเป็นเกิดภาวะชะงักงันและขาดแคลนอย่างรุนแรง

เช่น ยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือแม้กระทั่งอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นการที่ท่าเรือ และสนามบินขนาดใหญ่ระดับโลกทั้งในประเทศจีน เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ปิดบริการ อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาเป็นอุปสรรคสำคัญในการลำเลียงสินค้าอุปโภคบริโภคไปยังตลาดหลักของโลก ได้แก่ อเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย

รายงาน Regional Trends Analysis ปี 2564 ซึ่งเป็นรายงานผลวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตีพิมพ์ว่าความต้องการสินค้าของผู้บริโภคที่ลดลง การปิดชายแดน และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและการขนส่ง ส่งผลให้การส่งออกใน 21 ประเทศในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค (Asia Pacific Economic Cooperation: APEC) ลดลงร้อยละ 6.3 และการนำเข้าในประเทศเหล่านั้นลดลงร้อยละ 5.5 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563

ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจของ Institute for Supply Management ระบุว่า ประมาณร้อยละ 75 ของธุรกิจในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับปัญหาการหยุดชะงักของซัพพลายเชนอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ เมื่อเกิดวิกฤตสงครามในประเทศยูเครน ซัพพลายเชนก็ได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าวิกฤตด้านซัพพลายเชนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การเข้าใจขอบเขตของวิกฤตการณ์ การประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง จะทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเรียกความมั่นใจในการสร้างการเติบโตของธุรกิจให้กลับคืนมาได้ และช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีอีกด้วย

 

แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจของ 3เอ็ม

ในฐานะบริษัทชั้นนำของโลกด้านวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี 3เอ็ม เองเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาการหยุดชะงักของซัพพลายเชนที่กล่าวมาเช่นกัน ปัญหาความแออัดและความล่าช้าในการขนส่งทางเรือผ่านท่าเรือส่งออกหลัก เช่น ลอสแองเจลิส หรือลองบีช และปัญหาความตึงเครียดด้านแรงงานที่เกิดขึ้นทางชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ต่างก็มีผลกระทบอย่างสำคัญต่อ 3เอ็ม ดังนั้น เราจึงนำกลยุทธ์ 3 ประการข้างล่างนี้มาใช้ในการดำเนินการตามแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตการณ์นี้

 

นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง

เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าภาวะการหยุดชะงัก (Disruption) ครั้งถัดไปจะเกิดอะไรขึ้นและเกิดขึ้นเมื่อใด แต่อย่างไรก็ดี บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ 3เอ็ม ไม่เคยหยุดยั้งในการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาเพื่อให้ซัพพลายเชนของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการจัดการระบบฐานข้อมูลแบบบูรณาการ สร้างศูนย์รวมของฐานข้อมูลที่แม่นยำ เชื่อถือได้ซึ่งจะช่วยให้ 3เอ็ม สามารถทราบถึงข้อมูลการจัดส่งสินค้าที่ยังคงค้าง และทาง 3เอ็ม ได้นำเครื่องมือที่ช่วยยกระดับการทำงานด้านโลจิสติกส์ เช่น Traxx มาช่วยปรับปรุงการบริหารจัดการให้สามารถเข้าถึงสถานะระหว่างการจัดส่งสินค้าสำหรับศูนย์รวบรวมสินค้าทั้งสองแห่งได้

 

เฝ้าสังเกตและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

3เอ็ม เฝ้าสังเกต ปรับตัว และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของเราตลอดเวลา ดังนั้น การบริหารงานด้วยความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว (Resilience) และมีความคล่องตัว (Agility) ถือเป็นหัวใจที่จะช่วยให้เราดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะการหยุดชะงักของซัพพลายเชนรวมถึงสถานการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้สามารถสร้างความเจริญเติบโตของธุรกิจตามเป้าหมายได้