คุณประมาณ ตั้งตระกูลเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางปะอิน เสาเข็มคอนกรีต จำกัด หรือ BPI
คุณประมาณ ตั้งตระกูลเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางปะอิน เสาเข็มคอนกรีต จำกัด หรือ BPI กล่าวว่า บางปะอิน เสาเข็มคอนกรีต ดำเนินธุรกิจด้านการผลิต และการบริการเสาเข็มและคานสะพาน ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมานานกว่า 30 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทมุ่งมั่น ตั้งใจในการผลิตสินค้าและบริการอย่างมีคุณภาพ ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำระบบการผลิตและการตอกที่อยู่เหนือมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อนำไปสู่รากฐานที่มั่นคง ตอบโจทย์ด้านราคา คุณภาพ และบริการที่รวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันบริษัทเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งให้กับลูกค้า และสามารถแข่งขันในตลาดได้
สำหรับแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง หากมองสถานการณ์ภาคธุรกิจในปัจจุบัน จะเห็นว่าธุรกิจอยู่ในช่วงชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้แผนการดำเนินงานของ BPI ครึ่งปีหลังนี้ ต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าให้ดีและมั่นคง ด้วยการเน้นคุณภาพของสินค้าและการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว เพื่อสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ขณะที่การรุกตลาดเพื่อเพิ่มปริมาณงานอาจต้องชะลอตัว เพราะลูกค้าภาคเอกชนได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้แผนการดำเนินงานของ BPI จะต้องชะลอไปตามสถานการณ์ แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการรับงานย่อยในโครงการภาครัฐมากขึ้น เพื่อที่ในอนาคตจะสามารถยกระดับขอบข่ายของงานให้สูงขึ้นสำหรับโครงการต่อไป
ส่วนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนต่อเนื่องจากปี 2563 เนื่องจากมีสัญญาหรือแบ็กล็อกอยู่แล้ว แต่จะมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มโดยเฉพาะเครน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะสภาพเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันกำลังชะลอตัว ถ้าตัดสินใจลงทุนอาจจะเกิดความเสี่ยงได้ ขณะเดียวกัน BPI ยังคงมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากลงทุนในช่วงนี้อาจทำให้ได้เครื่องจักรในราคาที่ถูกกว่าปกติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แผนลงทุนเพื่อเพิ่มเครื่องจักรยังอยู่ในช่วงพิจารณา นอกจากนี้ BPI ยังมีแผนที่จะขยายโรงงานเพิ่ม โดยได้ซื้อที่ดินไว้ที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าพื้นที่ดังกล่าวจะมีประโยชน์กับ BPI มากในอนาคต
คุณประมาณ กล่าวว่า BPI ตั้งเป้ายอดขายในปี 2563 ไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้คาดว่ายอดขายจะลดลง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยในครึ่งปีแรกยอดขายของบริษัทลดลงไปแล้ว 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดขาย BPI โตขึ้นมากกว่า 50% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปีจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และภายในครึ่งปีหลังนี้ แม้ยอดขายอาจไม่ตรงตามเป้า แต่ BPI ยังคงมาตรฐานการผลิตและการบริการที่ดีเอาไว้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าและคงยอดขายให้ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด
ทั้งนี้ BPI มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันหลายโครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการภาครัฐ ที่ผ่านผู้รับเหมารายใหญ่ เช่น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงที่ 1-2 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี อีกทั้งยังมีโครงการทางด่วนพระราม 3 ของบริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด ส่วนโครงการของภาคเอกชน มีโครงการก่อสร้างบ้านของกลุ่มบริษัท AP ที่กำลังดำเนินการอยู่
“ปัจจุบันแบ็กล็อกรวมทั้ง 3 บริษัทในกลุ่ม คือ บริษัท ศรีอยุธยาคอนกรีต จำกัด, บริษัท บางปะอินเสาเข็มคอนกรีต จำกัด และบริษัท 145 ศรีอยุธยาคอนกรีต จำกัด ในระยะเวลา 2-3 เดือนจากนี้ มีมูลค่าประมาณ 500-600 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตรวมกันถึง 1500-1600 คิวต่อวัน ซึ่งในอนาคตจะมีเพิ่มขึ้นมั้ย คงต้องดูลูกค้ากันต่อไป เนื่องจากเราทำธุรกิจแบบเติบโตไปกับลูกค้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในปัจจุบัน กำลังการผลิตของ BPI ทั้งกลุ่ม ถือว่ามีอย่างเพียงพอที่จะเสิร์ฟให้กับลูกค้าอยู่แล้ว” คุณประมาณกล่าว
คุณประมาณ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจก่อสร้างของปีนี้ สำหรับโครงการภาครัฐจะเติบโตขึ้น เนื่องจากมีโครงการการพัฒนาระบบเศรษฐกิจต่างๆ เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสให้กับผู้รับเหมาภาครัฐที่จะเติบโตตามไปด้วย ส่วนโครงการภาคเอกชน คาดว่าจะหดตัวไปจนถึงปี 2564 ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่เป็นซัพพลายเออร์ของภาคเอกชนโดยเฉพาะ คงได้รับผลกระทบในจุดนี้ไปด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้สำหรับ BPI ต้องนับเป็นความโชคดีที่งานของบริษัทส่วนใหญ่ในปีนี้ เป็นงานที่รองรับโครงการของภาครัฐเกือบทั้งหมด ทำให้ BPI ไม่ได้รับผลกระทบหนักและยังมีงานในมือที่ต้องดำเนินการอยู่
สำหรับจุดเด่นของ BPI คุณประมาณ กล่าวว่า จุดเด่นสำคัญที่สร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามี 2 ด้านหลักๆ คือ 1. ด้านการผลิต เนื่องจาก BPI เป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่มาก กระบวนการทำงานและการผลิตจึงกระชับ รวดเร็ว และสามารถเข้าถึงกันได้ตลอด อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีและระบบการผลิตที่ทันสมัย ที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน คือระบบ Air Vibration ทำให้การผลิตเสาและคานสะพานมีความแข็งแรง ทนทาน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง หากเปรียบเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกันในตลาด
2. ด้านการบริการ ที่ถือเป็นงานหลักในการมอบความสะดวกและรวดเร็วให้แก่ลูกค้า เนื่องจาก BPI ให้ความสำคัญกับงานด้านบริการมานานกว่า 10 ปี โดย BPI มีบริการรับตอกในนามของบริษัท ฟาสท์โมบาย จำกัด (FAST MOBILE PILE DRIVING MACHINE) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือของ BPI ที่มีบริการรถตอกมากกว่า100 คัน ดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างจากปั้นจั่นทั่วไปที่ใช้ตุ้มน้ำหนัก ซึ่งรถตอกจะมีหัวตอกที่ใช้ระบบ Hydraulic ทำให้การตอกได้มาตรฐานและให้ความรวดเร็วที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำงานได้ทันทีที่เข้างาน โดยไม่ต้องรอการประกอบเหมือนปั้นจั่นทั่วๆ ไป
คุณประมาณ กล่าวต่อถึงกิจกรรมเพื่อสังคมว่า ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม BPI เข้าใจและคำนึงถึงตลอดว่า การที่บริษัทมาถึงจุดนี้ได้ องค์ประกอบส่วนหนึ่งนั้นมาจากการสนับสนุนของชุมชน ซึ่ง BPI พยายามที่จะขอบคุณและตอบแทนให้กับชุมชนหรือสังคมมาโดยตลอด แม้จะไม่ได้จัดเป็นโครงการหรือกิจกรรมที่เป็นทางการ แต่ที่ผ่านมา BPI ได้สานสัมพันธ์อันดีกับชุมชนและกลุ่มคนในท้องถิ่น โดยการช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นทางด้านทุนทรัพย์ หรือแม้กระทั่งการจัดหาทรัพยากรณ์ที่มีอยู่ในโรงงานเพื่อกลับไปช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดแคลน เช่น การก่อสร้างถนน การจัดมอบทุนนักเรียนเรียนดีให้แก่ โรงเรียนเชียงรากน้อยและโรงเรียนพระอินทร์ศึกษา การสนับสนุนทางด้านกีฬาแก่ทีมประจำจังหวัด การนำผลิตภัณฑ์ไปช่วยเหลือวัดในท้องถิ่น (ช่วยวางรากฐานเสาเข็มให้แก่วัดตาลเอน) และการช่วยเหลือด้านอื่นๆ อีกมากมาย
“ในเรื่อง CSR เราแค่คิดว่า เราได้จากเค้า เราก็แค่คืนให้เค้า เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำนะ ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กรก็ต้องสร้างจิตสำนึกให้ได้ในเรื่องนี้ และทุกวันนี้เมื่อเรามี เราพร้อม อันไหนที่เราทำได้ เราก็พยายามทำ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยในเรื่องที่เราถนัดมากกว่า อย่างไปตอกเสาเข็มหรือก่อสร้างอาคารต่างๆ ให้ชุมชน รวมถึงบางทีอาจจะไปบริจาคให้ผู้ที่ขาดแคลน เดือดร้อน และกลุ่มที่เราทำให้เค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้กับบริษัท เช่น โรงเรียน วัด และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แต่ถ้าเป็นการกิจกรรมหรือโครงการขนาดนั้น เราคงไม่ได้จัด” คุณประมาณกล่าว
คุณประมาณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ เนื่องจากการพูดต่อๆ กันของลูกค้าเกี่ยวกับคุณภาพสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่ครบครัน ซึ่งปัจจุบันมูลค่าทางการตลาดของ BPI เติบโตสูงถึง 2,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเสาเข็มและคอนกรีต อย่างไรก็ตาม BPI มุ่งเน้นเพียงแค่การผลิตและการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า BPI จึงอยากเป็นตัวเลือกหนึ่งให้ลูกค้าได้นึกถึงและให้โอกาสในการร่วมประมูลงาน ซึ่งลูกค้าหรือเจ้าโครงการจะไม่ผิดหวังที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของเรา
อนึ่ง บริษัท บางปะอิน เสาเข็มคอนกรีต จำกัด หรือ BPI เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในปี 2533 โดยขยายออกมาจากบริษัท ศรีอยุธยาคอนกรีต จำกัด จากการเป็นผู้ผลิตรายย่อยเล็กๆ ที่มีเจ้าของลงมือปฏิบัติ และควบคุมการผลิตเองด้วยความใกล้ชิด ด้วยความตั้งใจและใส่ใจในทุกรายละเอียดของการผลิตเพื่อให้ได้เสาเข็มที่มีคุณภาพ กระทั่งผ่านการสั่งสมบ่มเพาะทั้งประสบการณ์และความชำนาญ ประกอบกับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการมองเห็นแนวทางการพัฒนาการผลิต บริษัทจึงได้นำระบบเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยจากเยอรมันมาปรับปรุงพัฒนา ทำให้เนื้อคอนกรีตมีความแน่น แข็งแกร่งและมีคุณภาพเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เมื่อผนวกรวมกับระบบรถตอกซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวดเร็ว และได้มาตรฐาน ช่วยลดขั้นตอนที่สิ้นเปลือง ช่วยให้ประหยัดเวลาในขั้นตอนการตอก จึงทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจในสินค้าและบริการของ BPI มาอย่างยาวนาน
ด้วยเหตุนี้ ทำให้บริษัทมั่นใจได้ว่าเราพร้อมแล้วสำหรับทุกการแข่งขันในตลาดทั้งปัจจุบันและอนาคต ประกอบกับปณิธานอันแรงกล้าที่คอยผลักดันให้ BPI ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงและแข็งแรง เพื่อมุ่งมั่นนำพาบริษัทขึ้นไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จในทุกย่างก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง