
Biz Focus Magazine เป็นนิตยสารรายเดือนที่ร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างภาครัฐ - เอกชน และนักลงทุน
+(662) 399-1388
editor@bizfocusmagazine.com
การประชุมคณะกรรมการบริหาร การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 1/2561 ของ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) โดยมีท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ซึ่งมีสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
1. เห็นชอบการประกาศเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
ที่ประชุมเห็นชอบและนำเสนอคณะกรรมการนโยบายกำหนดเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเพิ่มเติม จากเดิมที่มีการกำหนดไปแล้วจำนวน 2 นิคม ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม Smart Park จังหวัดระยอง และนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 4 จังหวัดระยอง โดยเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่จะมีการประกาศเพิ่มเติมมีจำนวนทั้งสิ้น 18 แห่ง ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ประมาณเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย จังหวัดระยอง จำนวน 5 แห่ง จังหวัดชลบุรี จำนวน 12 แห่ง และจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 1 แห่ง
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมีมติเห็นชอบการยกระดับนิคมอุตสาหกรรม ซี.พี. ระยอง เป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรม รองรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่สื่อสารด้วยภาษาจีนโดยเฉพาะเป็นเขตส่งเสริมแห่งที่ 19
ดังนั้นจะทำให้พื้นที่ EEC มีเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 21 แห่ง เป็นพื้นที่ประกาศเขตส่งเสริมพิเศษ 86,775 ไร่ พื้นที่รองรับการลงทุน 28,666 ไร่ ประมาณการเงินลงทุน 1.31 ล้านล้านบาท
2. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในพื้นที่ EEC
ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC ที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อ เชื่อมโยงทั้งทางบก น้ำ อากาศ เพื่อรองรับการพัฒนา EEC มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค ตั้งเป้าให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางและเมืองการบินของภูมิภาค และให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นประตูเศรษฐกิจของ CLMV และอนุภูมิภาค และส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ประกอบด้วย 168 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 988,948.10 ล้านบาท โดยเป็นงบ PPP 583,500 ล้านบาท (59%) งบประมาณแผ่นดิน 296,684 ล้านบาท (30%) งบรัฐวิสาหกิจ 98,895 ล้านบาท (10%) และกองทุนหมุนเวียน (กองทัพเรือ) คิดเป็น 1% โดยแบ่งแผนดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย แผนงานระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2560-2561) แผนงานระยะกลาง (พ.ศ. 2562-2564) และแผนงานระยะต่อไป (ตั้งแต่ พ.ศ. 2565)
ผลที่คาดว่าจะได้รับคือระบบการขนส่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ และเมื่อรวมกับโครงข่ายภายนอกพื้นที่ EEC จะลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้ถึง 2% ของ GDP หรือ ปีละ 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะเหนี่ยวนำให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มเติม โดยคาดจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.1 – 3.0 ล้านล้านบาท และประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนคุณภาพสูง
3. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC
ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและให้นำไปรับฟังความเห็นจากพื้นที่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง สู่การท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืน รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และกลุ่มเชิงสุขภาพ เน้น พัทยา-สัตหีบ-ระยอง เป็นแกนการพัฒนาการท่องเที่ยว เน้นสนามบินอู่ตะเภาเป็นจุดเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ กับการท่องเที่ยวเชิงชุมชนและวิถีชีวิตชุมชน รวมทั้งการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการกำจัดขยะตามแนวชายฝั่งทะเลและเกาะท่องเที่ยวสำคัญ
แผนดังกล่าวประกอบไปด้วย 4 แผนงาน ได้แก่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และการสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น 47 โครงการ กรอบวงเงินลงทุน 30,247.22 ล้านบาท โดยเป็นงบ PPP 23,000 ล้านบาท (76.04%) งบประมาณแผ่นดิน 6,897.22 ล้านบาท (22.80%) และงบรัฐวิสาหกิจ 350 ล้านบาท (1.16%)
ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ มีผู้มาเยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นจาก 29.89 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2560 เป็น 46.72 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2564 (เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า) และมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 285,572 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2560 เป็น 508,590 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2564 (เพิ่มขึ้น 1.8 เท่า)
4. รับทราบความคืบหน้า ร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ….
ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าว่าในขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. …. อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ในขั้นที่ 2 โดยหลังจากที่มีการพิจารณาครบทุกมาตราแล้ว จะจัดทำรายงานเสนอประธานสภา เพื่อประชุมฯในวาระที่ 3 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
5. รับทราบความคืบหน้าด้านโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 5 โครงการ
ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าด้านโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะมีการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (EEC Track) ใน 5 โครงการสำคัญ ดังนี้
6. รับทราบความคืบหน้าเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนแม่บท การพัฒนาพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ที่มีวิสัยทัศน์ให้ EECi เป็นระบบนิเวศนวัตกรรมชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ซึ่งผลงานวิจัยและนวัตกรรมนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และความอยู่ดีกินดีของประชาคมอย่างยั่งยืน และมีกรอบการพัฒนา EECi ที่มุ่งเน้น “6 อุตสาหกรรมเป้าหมาย 3 เมืองนวัตกรรมมุ่งเน้น และ 5 ยุทธศาสตร์ดำเนินการ” คือ
• 6 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่และเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมแบตเตอรี่และยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และ อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์
• 3 เมืองนวัตกรรมมุ่งเน้น ได้แก่ ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพ ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ และศูนย์กลางและฐานในการรังสรรค์นวัตกรรมจากเทคโนโลยีอากาศยาน อวกาศ และภูมิสารสนเทศ
• 5 ยุทธศาสตร์ดำเนินการและกลไกสนับสนุน ประกอบด้วย การนำ วทน. ยกระดับชุมชนและอุตสาหกรรม, วิจัยและนวัตกรรม การเตรียมความพร้อมและการพัฒนาบุคลากรด้าน วทน.พัฒนา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างกลไกความร่วมมือ และถ่ายทอดองค์ความรู้ จากในและต่างประเทศ