Biz Focus Industry Issue 128, September 2023

User Rating: 5 / 5

Star ActiveStar ActiveStar ActiveStar ActiveStar Active
 

โรแยล พลัส ปักทิศทางธุรกิจ สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

          โรแยล พลัส ประกาศศักยภาพธุรกิจครบรอบ 25 ปี ลุยปรับกระบวนการผลิตมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการลงทุน 2 โครงการหลัก Solar Rooftop Project และ PET Aseptic Line Project ลั่นไตรมาส 3/2566 เริ่มส่งสินค้าใหม่ในรูปแบบขวด PET ทยอยสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขึ้นแท่นเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกน้ำผลไม้อันดับ 1 ของประเทศไทยที่มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีคุณภาพด้วยนวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง บวกประสบการณ์ความสุขให้ผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืน

คุณพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS

          คุณพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของโรแยล พลัส เริ่มมาจากธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ก่อนหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและส่งออกเครื่องดื่มในปี 2554 โดยเน้นสินค้าหลักคือ “น้ำมะพร้าว” เนื่องจากเรามองเห็นศักยภาพ และความได้เปรียบของวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศ บริษัทจึงมุ่งใช้วัตถุดิบที่ปลูกและผลิตในไทย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทย พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยความคิดสร้างสรรค์สู่ความเป็นเลิศ เพื่อการเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีคุณภาพดีต่อผู้บริโภค มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

PLUS เรามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในจุดแข็งและรสชาติของเครื่องดื่มมะพร้าวที่ปลูกในประเทศไทย อันเป็นเอกลักษณ์และถูกปากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และในการดำเนินธุรกิจเรายังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมถึงการสร้างสรรค์คุณค่าคู่สังคม ทั้งนี้ ตามแนวคิดการดำเนินงานที่สร้างคุณค่าให้ธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ “มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีคุณภาพด้วยนวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง บวกประสบการณ์ความสุขให้ผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืน” ภายใต้แบรนด์สินค้าของ PLUS ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ด้วยมีพันธกิจ 3 PLUS ได้แก่ 1.Business PLUS Value สร้างคุณค่าควบคู่ไปกับธุรกิจ 2.Work PLUS Happiness พนักงานมีความสุขในการทำงาน และ 3.Heart PLUS Love แบ่งปันความรักและตอบแทนสังคมด้วยใจ

“ปีนี้เป็นปีที่เราครบรอบ 25 ปี ความสำเร็จของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ การันตีได้จากการเป็น Top 5 ของประเทศในเรื่องการส่งออกเครื่องดื่มน้ำผลไม้ เป้าหมายในอนาคตของเราคือ การเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกน้ำผลไม้อันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าเรามีความได้เปรียบของวัตถุดิบ สามารถสร้างมูลค่าให้สินค้าการเกษตรของเกษตรกรไทยได้ เพราะหากความต้องการบริโภคสูงขึ้น ความต้องการวัตถุดิบก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ฉะนั้นโรแยล พลัสก็ต้องการให้จุดแข็งด้านวัตถุดิบของไทย เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งในอนาคต” คุณพลแสงกล่าว

          คุณพลแสง กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ PLUS ได้ทุ่มงบลงทุน 456 ล้านบาท ใน 2 โครงการหลัก ประกอบด้วย โครงการการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ Solar Rooftop Project เพื่อตอบสนองนโยบายการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊ซเรือนกระจก และช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน สำหรับโครงการนี้ PLUS ดำเนินการภายใต้โครงการ Solar Orchestra ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือกันของหลายหน่วยงาน ได้แก่ CHPP บริษัทในกลุ่ม GPSC - EXIM BANK  และ NEO CLEAN เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนการลงทุน Solar Rooftop และการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต ซึ่งเราถือเป็นบริษัทแรกๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ และยังได้รับมาตรฐาน ISO 14064-1 จากบูโร เวอริทัสด้วย

ปัจจุบัน PLUS ได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้า 984.96 KWP โดยทำการติดตั้งที่อาคารผลิตหลักของโรงงานในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กับทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสามารถช่วยลด CO2 ได้ ถึง 666 ตัน CO2 ต่อปี

          โครงการที่ 2 คือ โครงการ PET Aseptic Line Project : การติดตั้งสายการผลิตระบบการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ สำหรับผลิตภัณฑ์ขวดพลาสติกชนิด PET หรือ PET Aseptic Project เพื่อรองรับการขยายตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บรรจุลงขวด PET ด้วยระบบการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดต่ำ ซึ่งจะติดตั้งเครื่องจักรที่รองรับระบบการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ หรือ Cold Aseptic Filling System โดยเครื่อง Standalone Aseptic Combi จาก Sidel ที่ประกอบไปด้วย ส่วนเป่าขึ้นรูปและฆ่าเชื้อขวด PET และส่วนบรรจุ-ปิดฝา ด้วยระบบเย็นแบบปลอดเชื้อ โดยจะติดตั้งที่โรงงานผลิตในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งแล้วเสร็จและเดินเครื่องการผลิตได้ภายในไตรมาส 3/2566

          “PET Aseptic Line Project เป็นการลงทุนที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งถือเป็นไลน์ที่ดีที่สุดแล้วของเทคโนโลยีการผลิตเครื่องดื่ม เพราะเป็นเทคโนโลยีที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ไลน์ผลิตตรงนี้จะมารองรับกำลังการผลิตแบบเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากกำลังการผลิตปัจจุบัน เพราะจากเดิมเราผลิตในไลน์เดียวกันกับขวดแก้ว โดยไลน์ PET Aseptic นี้ จะทำให้มีกำลังการผลผลิตในส่วนของ PET ได้ถึง 400-800 ขวดต่อนาที เมื่อแล้วเสร็จ เราก็จะไปปรับปรุงในไลน์ผลิตเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย” คุณพลแสงกล่าว

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ คุณพลแสง เผยว่า เนื่องจากโรแยล พลัสมุ่งเน้นทำการตลาดกับต่างประเทศเป็นหลัก ฉะนั้นเราจึงต้องการพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ มีความสามารถในขยายตลาด และร่วมทำการตลาดกับเราได้ โดยแต่ละประเทศที่เข้าไปต้องเป็นประเทศที่เรามีโอกาสเติบโตด้วย ซึ่งพาร์ทเนอร์ของโรแยล พลัส ส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ไปกระจายในประเทศของตนเองอยู่แล้ว ขณะที่ในประเทศไทย แม้จะไม่ให้ตลาดหลัก แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ของโรแยล พลัสอยู่ในตลาดบ้าง อาทิ น้ำผลไม้ผสมเม็ดแมงลัก หรือชานมไข่มุก แต่ในปีหน้าคงมีโอกาสได้ทำการตลาด และส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นขวด PET ออกมาขายมากขึ้น โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 เราจะเริ่มทยอยส่งสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะกระจายออกไปหลายประเทศภายในปีนี้ และจะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในปี 2567

          คุณพลแสง กล่าวถึงเป้าหมายการเติบโตและแนวโน้มของธุรกิจน้ำผลไม้ด้วยว่า โรแยล พลัส มีการวางแผนการเติบโตอยู่ที่ 20-30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนและเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากโอกาสต่างๆ ทั้งไลน์การผลิตใหม่จากโครงการ PET Aseptic การขยายตลาดของลูกค้า ความต้องการบริโภคของผู้บริโภคในต่างประเทศ ผนวกกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และความพร้อมของเรา แน่นอนว่าในอนาคตผลิตภัณฑ์ ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่แนวโน้มธุรกิจน้ำผลไม้ของไทย ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะเรามีวัตถุดิบในประเทศค่อนข้างเยอะ ทั้งยังมีชื่อเสียงมาก ในเรื่องผลไม้ที่รสชาติดี และมีความหลากหลาย บวกกับการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกมีการเติบโตค่อนข้างดี นี่เป็นจุดแข็งที่จะสามารถสร้างนวัตกรรมให้แตกต่างจากด้วยการใส่ชิ้นเนื้อเข้าไปเพิ่มความอร่อยให้เครื่องดื่ม ยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มความหลากหลายด้านแพ็กเกจจิ้ง ไม่ใช้เฉพาะขวดแก้ว แต่การทำขวด PET ด้วยน่าจะสร้างความต่างได้มากขึ้น และเราไม่จำเป็นต้องไปขยายลูกค้า เนื่องจากลูกค้าเดิมสามารถรับสินค้าใหม่เข้าไปขายในประเทศเขาได้ทันที แน่นอนว่าอนาคตจะเป็นโอกาสอย่างมาก เพราะโรแยล พลัส คงไม่หยุดเพียงแค่ธุรกิจน้ำผลไม้ แต่อาจจะขยายไปสู่อาหารในอนาคตด้วย

          “จุดเด่นในบริหารธุรกิจด้วยว่า PLUS เราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ แน่นอนว่าระบบการบริหารจัดการด้านต่างๆ ต้องมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญในการบริหารองค์กรคือความเป็นครอบครัว โรแยล พลัสเราดูแลพนักงานให้ทำงานด้วยชีวิตจิตใจ ไม่ใช่แค่ทำงานตามคำสั่งเท่าน้ัน แต่เราให้ความไว้วางใจต่อพนักงาน ให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบ ด้วยความเป็นเจ้าของ ทั้งนี้ เรามีแนวคิด Royal “PLUS” ที่ประกอบด้วย ค่านิยม 4 ประการ (Core Values) ได้แก่ P - Positivity ความคิดบวกสร้างสรรค์ L - Loyalty ความผูกพันธ์ภักดี U - Unity ร่วมใจสามัคคี S - Sustainability สู่วิถีความยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้กระบวนการทำงานต่างๆ ของเราออกมาดี” คุณพลแสงกล่าว

          คุณพลแสง ฝากทิ้งท้ายเพิ่มเติมว่า หากเป็นไปได้อยากให้ภาครัฐมีนโยบายที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการที่เล็งเห็นความสำคัญของความยั่งยืน ESG เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายของประเทศไทยในอนาคตอย่างชัดเจน อีกทั้งการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการแข่งขันและการคิดค้นนวัตกรรม จะสามารถสร้างความแตกต่าง และไปได้ไกลในระดับสากล โดยเฉพาะเรื่องของความได้เปรียบทางการค้า การกีดกันทางการค้า และการเจรจาการค้าผ่านตัวแทนภาครัฐที่จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันให้ภาคเอกชนในเวทีโลกได้ ขณะเดียวในเรื่องสินค้าการเกษตรของไทย วัตถุดิบอย่างมะพร้าวที่ปลูกในประเทศไทย โดยเกษตรกรไทย ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มากกว่าเดิม ให้เป็น Soft Power อีกอย่างหนึ่งของประเทศ เพราะมะพร้าวประเทศอื่น ไม่หอมและอร่อยเท่ากับของประเทศไทย หากได้รับการส่งเสริมมากขึ้น คงดีต่อทั้งผู้ผลิต เกษตรกร และประเทศของเราด้วย

www.royalplus.co.th