"เต่าเหยียบโลก" จากสูตรยาสมุนไพร สู่แบรนด์
ระงับกลิ่นกายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียล
“เต่าเหยียบโลก” ตำนานแป้งระงับกลิ่นกายจากสมุนไพรในห้องโต๊ะเครื่องแป้ง Pantip ที่ส่งต่อคุณภาพกันแบบปากต่อปาก เตรียมขึ้นแท่นเบอร์ 1 ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจากธรรมชาติของไทย “คุณนพวิทย์ จันทิพย์วงษ์” ทายาทรุ่นสอง เผยปี 2568 เดินหน้ารุกตลาดเต็มสูบทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ ขยายไลน์สินค้า ยกระดับการผลิตเต็มระบบ คาดยอดขายปีนี้โต 300 ล้านบาท พร้อมประกาศเป้าหมาย 3-5 ปีข้างหน้า มุ่งเป็น Top 3 ตลาดรวมผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายของประเทศ
คุณนพวิทย์ จันทิพย์วงษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทย เฮิร์บ เอนเตอร์ไพรซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ภายใต้แบรนด์ “เต่าเหยียบโลก” เปิดเผยว่า เต่าเหยียบโลกเริ่มต้นขึ้นจากคุณสมชาย จันทิพย์วงษ์ ผู้เป็นบิดา ที่มีพื้นฐานและประสบการณ์ในศาสตร์แห่งสมุนไพรและการแพทย์แผนโบราณมาอย่างยาวนาน กระทั่งมีลูกค้าให้ช่วยปรุงยาสมุนไพรสำหรับใช้ระงับกลิ่นกาย คุณสมชายจึงได้ผสมสูตรยาตามความรู้ ความชำนาญ ประกอบกับส่วนตัวมีปัญหาในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน จึงนำยาสูตรนี้มาใช้เอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถระงับกลิ่นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ไม่เหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอยังช่วยให้ใต้วงแขนขาวขึ้น และไม่ทิ้งคราบเหลืองบนเสื้อด้วย
หลังจากนั้นจึงได้มีการพัฒนาสูตรออกมาเป็นรูปแบบแป้งให้ใช้ง่ายและดียิ่งขึ้น โดยวางจำหน่ายตามร้านเสริมสวยต่างๆ โดยใช้ชื่อแรกว่า “จับเต่า” ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “เต่าเหยียบโลก” ซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์ เพราะชื่อที่แปลกสะดุดตาทำให้คนจดจำได้ทันที และด้วยคุณภาพสินค้าที่ดีเห็นผลจริง ราคาจับต้องได้ บวกกับชื่อที่โดดเด่น “เต่าเหยียบโลก” จึงเริ่มได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก โดยเฉพาะในเว็บไซต์ Pantip ห้องโต๊ะเครื่องแป้ง กระทั่ง 7-Eleven ติดต่อเข้ามาเพื่อให้นำสินค้าไปวางจำหน่าย หลังจากนั้น “เต่าเหยียบโลก” ได้มีการขยายตลาดอย่างรวดเร็ว จนสามารถวางจำหน่ายในทุกช่องทางทั้ง Modern Trade, Traditional Trade และออนไลน์ในเวลาไม่นาน
“ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจจนถึงปัจจุบันคุณพ่อเน้นย้ำเสมอว่า ‘คุณภาพสำคัญที่สุด’ เพราะหากลูกค้าใช้แล้วเห็นผลจริงก็จะกลับมาใช้ซ้ำ ซึ่งในปัจจุบันแม้แบรนด์จะเริ่มมีการใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์บ้าง ไม่ว่าจะเป็น SEO การใช้อินฟลูเอนเซอร์ การทำคอนเทนต์ต่างๆ แต่หัวใจสำคัญที่ทำให้ ‘เต่าเหยียบโลก’ ยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง คือ เสียงของผู้บริโภคตัวจริง จะเห็นได้จากเมื่อมีโพสต์บนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นตัวหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ชื่อ ‘เต่าเหยียบโลก’ มักถูกพูดถึงเสมอจากผู้ใช้ที่เคยมีประสบการณ์จริง และเลือกแนะนำต่อแบบไม่มีการจ้างวาน นี่จึงกลายเป็นพลังทางการตลาดที่แท้จริง และยั่งยืนกว่าโฆษณารูปแบบใดทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เราไม่สามารถซื้อได้คือคอมเมนต์จริงจากลูกค้า และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เต่าเหยียบโลกแบรนด์เล็กๆ ในตอนนั้นเดินทางมาถึงวันนี้ได้อย่างภาคภูมิใจ” คุณนพวิทย์กล่าว
คุณนพวิทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดแข็งของเรา คือการเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพและความยั่งยืนที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ โดยเต่าเหยียบโลกจะเป็นแบรนด์ในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและเป็นมิตรต่อผิว ด้วยพื้นฐานจากศาสตร์แผนโบราณ ผสมผสานกับความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ฉะนั้นเราจึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกของคนที่มีปัญหากลิ่นกาย แต่ยังเป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพ และใส่ใจในสิ่งที่ใช้กับร่างกายทุกวันด้วย
สำหรับเป้าหมาย และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2568 คุณนพวิทย์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2568 ไว้ที่ 300 ล้านบาท จากปี 2567 ที่มียอดขาย 250 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า (2566) 28% ซึ่งการเติบโตที่ผ่านมามีปัจจัยมาจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตจากระบบกึ่งอัตโนมัติสู่ไลน์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยมีการลงทุนพัฒนาเครื่องจักรประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้รวมถึงอนาคตคาดว่าจะมีการปรับปรุงและพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการขยายตัวของสินค้าในอนาคต
ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการแตกไลน์สินค้าเพิ่ม Category ให้หลากหลายขึ้น เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของทุกคน ทุกเพศทุกวัย โดยแป้งระงับกลิ่นกายยังเป็นผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์ แต่เราได้เพิ่มจำนวนสินค้าเป็น 7 SKU จาก 3 SKU ซึ่งก่อนหน้านี้ประกอบไปด้วยสูตรออริจินัล สูตรไวท์เทนนิ่ง สูตรนูริชชิ่ง ส่วน 4 SKU ที่เพิ่มเข้ามาประกอบไปด้วย สูตรเอ็กซ์ตร้า ไวท์เทนนิ่ง สูตรมาย แอนด์ เฟิร์ม ที่เหมาะสำหรับเด็ก หรือคนผิวแพ้ง่าย สูตรโพรเทค และสูตรคลู เฟรช ที่เหมาะกับผู้ชายโดยเฉพาะเพื่อการปกป้องที่ยาวนานมากขึ้น รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างสเปรย์ระงับกลิ่นกาย สบู่ และแป้งระงับกลิ่นเท้า โดยเฉพาะสเปรย์สูตรใหม่ "เอ็กซ์ตร้า ไวท์เทนนิ่ง" และ "คลู เฟรช" ที่มีกลิ่นหอมจากสารสกัดธรรมชาติ ซึ่งเราจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2568 นี้
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสานคือ ทำออฟไลน์ควบคู่กับออนไลน์ แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะมีสัดส่วนยอดขายโดยประมาณอยู่ที่ Traditional Trade 58% Modern Trade 40% ขณะที่ออนไลน์มี 1-2% เท่านั้น แต่เราไม่สามารถมองข้ามช่องทางออนไลน์ได้เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมมากสำหรับการทำการตลาด ทั้งยังเป็นช่องทางที่สามารถสร้างการรับรู้ของแบรนด์ที่ดีอีกหนึ่งช่องทางด้วย เพราะฉะนั้นเราจะให้ความสำคัญควบคู่กันไป
ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบการตลาดจาก 30 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะดำเนินกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ อาทิ การออกโรดโชว์แจกสินค้าตัวอย่างตามโรงเรียนกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ หรือการออกบูธกิจกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริง พร้อมทั้งเร่งพัฒนา Official Store บนแพลตฟอร์ม Shopee, Lazada และเพิ่มการทำคอนเทนต์บน TikTok, Facebook รวมถึงการยิงแอดโฆษณาแบบผสมผสานออฟไลน์และออนไลน์ให้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ “เต่าเหยียบโลก” มีพรีเซนเตอร์ระดับแนวหน้าอย่าง “คุณเบลล่า ราณี” และ “คุณมิกซ์ ทองระย้า” ผู้ที่มีภาพลักษณ์ที่ดี ดูสะอาด สดใส สุภาพ แต่แฝงด้วยพลังและความมั่นใจ ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน มาช่วยสร้างการจดจำและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา (TVC), คลิปไวรัลบน TikTok และกิจกรรมออนไลน์กับแฟนคลับทั้งสองฝั่ง ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียลอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
“ในปีนี้ สิ่งที่เป็นความท้าทายที่สำคัญของเราคือการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ แม้แบรนด์จะมีการทำคอนเทนต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ แล้ว ในฐานะเจ้าของแบรนด์เราอยากลงมาทำตรงนี้เอง เพราะมองเห็นโอกาสในการสร้างความน่าเชื่อถือและความผูกพันกับผู้บริโภคโดยตรง แต่ก็มีข้อจำกัดด้านเวลา ซึ่งเราก็พยายามจะทำตรงนี้ให้ได้อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย” คุณนพวิทย์กล่าว
คุณนพวิทย์ กล่าวต่อถึงโอกาสทางธุรกิจด้วยว่า แม้สภาพตลาดในภาพรวมของประเทศที่เราสัมผัสจากคู่ค้าจะดูเงียบเหงา จำนวนผู้ใช้บริการหลายร้านลดลง แต่สำหรับแบรนด์ “เต่าเหยียบโลก” ยังมองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่เคยรู้จักหรือทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งยังมีอีกจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ เราจึงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าผ่านการเสริมความแข็งแกร่งด้านการตลาด และการเพิ่มจำนวนสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ (SKU)
ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยกังวลว่าการออกสินค้าใหม่อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของสินค้าหลัก แต่เมื่อได้ทดลองจริงกลับพบว่าสินค้าหลักยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่สินค้าใหม่ก็สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้อย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะช่องทาง Modern Trade อย่าง 7-Eleven ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นช่องทางสร้างยอดขายอันดับ 1 ของแบรนด์ และแน่นอนว่าบริษัทยังมีแผนที่จะขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมและหลากหลายยิ่งขึ้น
สำหรับโอกาสในต่างประเทศ แม้ยอดขายหลักยังอยู่ในประเทศไทย แต่ “เต่าเหยียบโลก” ได้เริ่มขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านบ้างแล้ว โดยปัจจุบันมีจำหน่ายใน สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมาบางส่วน ซึ่งในอนาคตบริษัทพร้อมมองหาพันธมิตรศูนย์กระจายสินค้าในต่างประเทศที่มีระบบกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง เพื่อเตรียมรุกตลาดภูมิภาคอื่นๆ ในอนาคตด้วยเช่นกัน
“ในยุคที่การแข่งขันสูง ‘เต่าเหยียบโลก’ เราไม่ได้มองกลุ่มสินค้า OTOP เป็นคู่แข่งหลักอีกต่อไปแล้ว แต่คู่แข่งเราในปัจจุบันคือแบรนด์ชั้นนำในตลาด ซึ่งเราจะนำจุดแข็งของเรามาสร้างการเติบโตต่อ คือคุณภาพ ราคา และการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ เป้าหมายเราใน 3-5 ปีข้างหน้าคือ เราต้องการเป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจากธรรมชาติอันดับ 1 ของไทย และเป็น Top 3 ของตลาดรวมผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เราเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์แบบครบวงจร การพัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดยั้ง และความมุ่งมั่นของทีมงาน จะพาแบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืน” คุณนพวิทย์กล่าวทิ้งท้าย