บิส โฟกัส : บริษัทมีการบริหารงานอย่างไรจึงประสบความสำเร็จได้รับรางวัลดังกล่าว
คุณสุรพร : บริษัทได้รับรางวัล Thailand 5S Award 2012 ครั้งที่ 11 ประเภท Golden Award เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ความสำเร็จเกิดจากการที่พนักงานทุกคนมีความมานะร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันโครงการ 5ส ซึ่งประกอบด้วย 1.สะสาง 2.สะดวก 3.สะอาด 4.สร้างมาตรฐาน 5.สร้างวินัยมาตั้งแต่ต้นปี 2555 และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการปฏิบัติตามนโยบายของบริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่มุ่งส่งเสริมให้บริษัทลูกทุกบริษัทมีการบริหารจัดการให้ได้มาตรฐานสากลและนำ 5 ส มาใช้เป็นการสร้างวินัย โดยบริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด(มหาชน) ได้รับรางวัล 5S Golden Award เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาและได้ขยายผลไปที่บริษัทลูกคือ บริษัท กุลธรพรีเมียร์ จำกัด ซึ่งได้รับรางวัล 5S Golden Award เช่นกันในปี 2554 และบริษัท กุลธรแมททีเรียลส์แอนด์คอนโทรลส์ จำกัด ได้รับรางวัล 5S Golden Award นี้เป็นบริษัทล่าสุดในปี 2555
ส่วนเป้าหมายต่อไปของบริษัทแม่คือการผลักดันให้บริษัทในเครือกุลธรได้มาตรฐานในการจัดการทุกบริษัทและได้รับรางวัลปีละ 1 บริษัท โดยในปี 2556 นี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการให้บริษัท กุลธรเคอร์บี้เฟาน์ดรี่ จำกัด ได้รับรางวัลเป็นบริษัทต่อไป
บิส โฟกัส : ความภาคภูมิใจกับรางวัลเกียรติยศ
คุณสุรพร : รางวัลนี้มีขั้นสูงสุดคือ Diamond Award (ดีเยี่ยม) แต่บริษัทได้รับในประเภท Golden Award ซึ่งอยู่ในขั้นดีมากแต่ไม่ใช่ดีเยี่ยม โดยบริษัทมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีนโยบายปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งนี้หากได้รับรางวัลสูงสุดแล้วพนักงานอาจจะคิดว่าไม่ต้องมีการปรับปรุงแล้วซึ่งทำให้ไม่เกิดการพัฒนาในองค์กรกันต่อไปอีก
บิส โฟกัส : ประโยชน์จากการได้รับรางวัลดังกล่าว
คุณสุรพร : ประโยชน์ที่ได้รับคือการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและการเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามนโยบาย 5ส ซึ่งเป็นการสร้างนิสัยที่ดีซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานด้านต่างๆ ทำให้มีระบบและได้มาตรฐานยิ่งขึ้นจึงทำให้บริษัทต่างๆ ต้องการที่จะมาดูงานและปฏิบัติตามเป็นแบบอย่าง อย่างไรก็ตามบริษัทจะต้องกำหนดวันและเวลาให้บริษัทต่างๆ ที่ต้องการเข้ามาดูงานเพื่อไม่ให้กระทบกับการทำงาน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้เข้ามาดูงานได้ประมาณกลางเดือนมีนาคม 2556 นี้ เนื่องจากขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงสถานที่เพิ่มเติม เช่น ห้องประชุม ห้องน้ำ เป็นต้น เพื่อให้บริษัทที่เข้ามาดูงานได้รับความสะดวกและประโยชน์มากที่สุด
บิส โฟกัส : ผลประกอบการในปี 2556 วางเป้าหมายไว้อย่างไร
คุณสุรพร : บริษัท กุลธรแมททีเรียลส์แอนด์คอนโทรลส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตลวดทองแดงและอลูมิเนียมอาบน้ำยาคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์และทรานส์ฟอร์มเมอร์ และมีบริษัทสาขาอยู่ที่เมืองซูโจว มณฑลเจียงสู้ประเทศจีน โดยสินค้าของบริษัทจะจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มบริษัทกุลธรประมาณ 1 ใน 3 ส่วนที่เหลือจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ทั่วไปซึ่งเป็นผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์ เช่น บ.อีเมอร์สัน บ.สยามคอมเพรสเซอร์ บ.ฟูจิตสึ บ.มิตซูบิชิ บ.โตชิบา และบริษัทญี่ปุ่นอีกหลายบริษัท เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตลวดทองแดงอยู่ที่ 10,000 ตัน/ปี และมีกำลังการผลิตลวดอลูมิเนียม 1,000 ตัน/ปี ส่วนผลประกอบการปี 2555 บริษัทมีรายได้รวม 2,090 ล้านบาท และมีกำไร 64 ล้านบาท สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
บิส โฟกัส : วิสัยทัศน์และการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC )
คุณสุรพร : เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนและในปี 2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น 10 ประเทศจะไม่มีพรมแดนต่อกันในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะด้านภาษีที่เป็น 0 ซึ่งจะทำให้สามารถขยายตลาดได้กว้างมากขึ้น โดยจะมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง นั้นคือเราสามารถไปขายสินค้าในต่างประเทศง่ายและเขาก็สามารถเข้ามาขายสินค้าในประเทศเราได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นต้องขึ้นอยู่ว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากันในการบุกตลาด
สำหรับสิ่งที่บริษัทเตรียมความพร้อมในการเข้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC คือเรื่องคุณภาพมาตรฐานที่บริษัทเน้นกิจการ 5ส ตามนโยบายของบริษัทที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องและมีการวางแผนที่ดีล่วงหน้า โดยเน้นคุณภาพมาตรฐานเป็นหลักและราคาที่สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งการส่งมอบสินค้าให้ตรงต่อเวลา และคาดว่าในช่วงระยะเวลา 3 ปีก่อนจะเข้าสู่ AEC จะเป็นช่วงที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมาก
บิส โฟกัส : นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันทั่วประเทศส่งผลกระทบต่อบริษัทหรือไม่
คุณสุรพร : การทำงานของบริษัทจะใช้แรงงานคนไม่มากเนื่องจากเน้นใช้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นหลักในการผลิตสินค้า ดังนั้นนโยบายดังกล่าวจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามตนคิดว่านโยบายการขึ้นค่าแรงควรปรับขึ้นให้เป็นขั้นบันไดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็กๆ และค่าแรงไม่ควรจะเท่ากันทั้งประเทศ