กฟผ. - EXIM Bank ชวนผู้ประกอบการลดใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยเทคโนโลยีทำความเย็นสีเขียว
กฟผ. ร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) มุ่งสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยลดใช้พลังงาน สนับสนุนการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่ Carbon Neutrality ของประเทศ
นางศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุน (EGAT Cooling Innovation Fund: CIF) เป็นผู้แทน กฟผ. ลงนามความร่วมมือสนับสนุนการลดใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ภายใต้กองทุนนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมทำความเย็น CIF กับ นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ. จ.นนทบุรี
นางศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล เปิดเผยว่า “ปัจจุบันสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความเย็น มีอัตราส่วนถึงครึ่งหนึ่งของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ดังนั้น การส่งเสริมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ภายใต้กองทุน CIF กฟผ. ให้การสนับสนุนผ่านโครงการต่าง ๆ ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้การใช้เทคโนโลยีการทำความเย็นสีเขียว เพื่อร่วมผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นของไทยมีส่วนช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ต่อไป”
ด้าน นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล เปิดเผยว่า “EXIM Bank เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มุ่งบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศ โดยสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ความร่วมมือระหว่าง EXIM Bank และ กฟผ. ในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันสนับสนุนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ผ่านการให้ความรู้ด้านเทคนิคและการใช้เทคโนโลยีการทำความเย็นสีเขียว และการสนับสนุนทางการเงิน อาทิ สินเชื่อ EXIM Kill Bill by Biz Transformation สำหรับเปลี่ยนเครื่องทำความเย็นและอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2.00% ต่อปี ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี เพื่อช่วยผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการประกอบธุรกิจระยะยาว เป็นต้น”