December 25, 2024
01Top_Nine-Plus

KCG เปิดแผนการลงทุน หนุนธุรกิจโตอย่างไม่หยุดยั้ง / Issue 017, June 2014

User Rating: 3 / 5

Star ActiveStar ActiveStar ActiveStar InactiveStar Inactive
 

KCG เปิดแผนการลงทุน หนุนธุรกิจโตอย่างไม่หยุดยั้ง

KCG อัดงบลงทุนกว่า 1,000 ลบ. ซื้อที่ดินบวกผุดสำนักงานใหญ่ พร้อมเนรมิตศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ตอบรับความต้องการลูกค้า 14 จังหวัดภาคใต้ ควบคู่กับการปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้าเดิม 2 แห่ง เล็งส่งชีสสูตรใหม่บุกตลาดไตรมาส 3  ตั้งเป้าปีนี้โต 20%

คุณตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ KCG ผู้นำเข้าสินค้าอาหารสำเร็จรูปและเนยแข็งระดับโลก ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าบริโภคที่มีคุณภาพรายใหญ่ในประเทศไทย อาทิ เนยและชีส “อลาวรี่” บิสกิต “อิมพีเรียล” น้ำผลไม้เข้มข้น “ซันควิก” เปิดเผยรายละเอียดแผนการลงทุนในปีนี้ว่าจะเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปี 2556 ประกอบด้วยการซื้อที่ดินและการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปากซอยสุขุมวิท 103/2

 โดยบริษัทใช้งบลงทุนรวม 750 ล้านบาท  แบ่งเป็นค่าที่ดินประมาณ 4 ไร่ จำนวน 500 ล้านบาทและค่าก่อสร้าง 250 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะลงเสาเข็มประมาณปลายไตรมาส 3 ปีนี้และมีกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2558

นอกจากนี้จะต่อเนื่องมาถึงการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี บนเนื้อที่ 20 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟสแรกบนเนื้อที่ 10 ไร่ ใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท ซึ่งจะรวมทั้งค่าซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งอุปกรณ์ห้องเย็น ห้องแช่แข็ง ห้องเย็นอุณหภูมิเย็นธรรมดาและห้องซีล โดยจะแล้วเสร็จและพร้อมใช้งานไตรมาส 4 ปีนี้

“เราใช้งบลงทุนก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ค่อนข้างสูง เพราะเรามีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ต้องเก็บในอุณหภูมิตามมาตรฐานการจัดเก็บของสินค้านั้นๆ รวมทั้งเป็นสำนักงานด้วย เราตั้งหลักโลจิสติกส์อยู่ที่สุราษฎร์ธานีเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการใน 14 จังหวัดภาคใต้ เพราะจากสุราษฎร์ธานีไปยังภูเก็ตใช้เวลาแค่ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตจะใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพความคล่องตัวในการบริการก็จะได้ไม่เต็มที่” คุณตงกล่าว

 คุณตงกล่าวต่อว่าบริษัทยังได้ปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดขอนแก่นและเชียงใหม่อีกด้วย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว เพราะทั้งสองศูนย์ฯ มีระยะเวลาการใช้งานมายาวนานประมาณ 10-15 ปีแล้ว ซึ่งในขณะนั้นมีพื้นที่พอดีกับการดำเนินธุรกิจแต่ไม่เพียงพอกับปัจจุบัน เพราะธุรกิจของบริษัทเติบโตเพิ่มมากขึ้น ทำให้ซัพพอร์ทได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงขยายพื้นที่ โดยใช้งบประมาณในการดำเนินงานทั้งสองศูนย์ฯ ประมาณ 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการลงทุนเพิ่มการผลิตชีสกลุ่มใหม่ โดยจะดำเนินการผลิตในโรงงานเทพารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะใช้เครื่องจักรในไลน์การผลิตใหม่ทั้งหมด โดยจะใช้งบประมาณเกือบ 50 ล้านบาท คาดว่าชีสสูตรใหม่น่าจะออกตลาดได้ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้

คุณตงกล่าวต่อว่าธุรกิจของบริษัทจะมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่ม 10% ทุกปี โดยผลประกอบการในปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจถึงแม้ว่าจะพลาดเป้าเล็กน้อย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองและลากยาวมาจนถึงปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทุกกลุ่มกันถ้วนหน้า

ส่วนในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตราการเจริญเติบโตไว้ที่ 20% อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นบริษัทจึงได้มีการตั้งเป้าอัตราการเจริญเติบโตไว้ 3 ลำดับ ได้แก่ 10% 15% และ 20% โดยในแต่ละไตรมาสจะมีการแยกออกมา  ซึ่งไตรมาสแรกได้เกินเป้าเล็กน้อย ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าอย่างน้อยในปีนี้จะเติบโต 10% เพราะบริษัทมีแผนการตลาด มีกลยุทธ์รองรับไว้อยู่แล้ว

“ในปีที่ผ่านมาเราเกือบทำได้ตามเป้า ถ้าไม่มีเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงปลายปี เพราะเป็นช่วงสำคัญของรายได้ที่จะเข้ามาของทุกกลุ่ม ทุกบริษัท ไม่ว่าจะเป็นค้าส่ง ค้าปลีก ห้องอาหาร โรงแรม อุตสาหกรรมการบิน ซึ่งตกพร้อมหน้ากันหมด แต่ของเราตกเพียงเล็กน้อย ถือว่ายังอยู่ในอัตราที่เราพอใจ เราได้ 10% จากที่เราประมาณไว้ที่ 15%

สำหรับปีนี้ เราตั้งเป้าไว้ที่  20%  ซึ่งไตรมาสแรกเราเกินเป้านิดหน่อยแต่เราก็ต้องมาทำแผนด้วย เช่น แผนการตลาดเป็นอย่างไร การส่งเสริมการตลาดเป็นอย่างไร คู่แข่งเป็นอย่างไร เราร่วมมือกับผู้ค้าอย่างไร ความพร้อมของเราอยู่ในระดับใด แต่ละแผนกมีความพร้อมระดับใด เป็นต้น” คุณตงกล่าว

ด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 บริษัทได้มีการศึกษาและติดตามมาโดยตลอด เพราะไม่ใช่การแข่งขันเฉพาะในประเทศเราเท่านั้นแต่ต้องแข่งขันในตลาดเดียว โดยมีประเทศทั้งหมดในกลุ่ม AEC ทั้งนี้บริษัทยังไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใดว่าเมื่อเข้าสู่ AEC แล้ว ส่วนแบ่งการตลาดจะหายไปหรือทำตลาดได้ยากขึ้น โดยมีแผนรองรับไว้แล้ว ขณะนี้เตรียมพร้อมที่จะขับเคลื่อนไปในต่างประเทศ ซึ่งสรุปไว้แล้วอาจจะไปประเทศใดประเทศหนึ่งในกลุ่มอาเซียน

Page Visitor

013084182
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
19877
21461
77837
386696
505277
13084182
Your IP: 52.15.190.187
2024-12-25 20:49
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.