May 19, 2024

เอเชียไฟเบอร์ สยายปีกธุรกิจ ผุด “AFC SME FACTORY”

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

เอเชียไฟเบอร์ สยายปีกธุรกิจ ผุด “AFC SME FACTORY”

เอเชียไฟเบอร์ รุกธุรกิจใหม่โรงงานให้เช่า เดินหน้าโปรเจค “AFC SME FACTORY” ปัจจุบันภาพรวมมีความคืบหน้า 70% คาดแล้วเสร็จมีนาคม 2564 ชูจุเด่นทำเลศักยภาพ การคมนาคมสะดวก ตั้งเป้าปี 2563 ยอดขายเติบโตเพิ่ม 10% จากปีที่ผ่านมา

คุณเจน นำชัยศิริ กรรมการและผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) คุณวรดล ศิริเกียรติสูง ผู้จัดการบริหารโครงการโรงงานให้เช่า (ขวา) บริษัท เอเซียไฟเบอร์ จำกัด (มหาชน)

คุณเจน นำชัยศิริ กรรมการและผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย คุณวรดล ศิริเกียรติสูง ผู้จัดการบริหารโครงการโรงงานให้เช่า บริษัท เอเซียไฟเบอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการ AFC SME FACTORY เฟส 1 โดยใช้งบลงทุน 170 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู บนเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ หรือ 10,928 ตารางเมตร จำนวน 8 ยูนิต โดยได้เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้ ภาพรวมการก่อสร้างมีความคืบหน้า 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2564

สำหรับวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ เนื่องจากบริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มากขึ้น จึงนำทรัพย์สินที่มีอยู่มาสร้างประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่โรงงาน ซึ่งมีที่ดินกว่า 100 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู แต่ปัจจุบันใช้ประโยชน์เพียงกว่า 50% และนำที่ดินในส่วนที่เหลือมาก่อสร้างเป็นโครงการ AFC SME FACTORY โดยได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนของบริษัทในการดำเนินการ

โดยโครงการ AFC SME FACTORY ดำเนินการก่อสร้างในรูปแบบ MINI FACTORY หรือโรงงานให้เช่าสำหรับกลุ่ม SME เนื่องจากกระแสของ SME ในปัจจุบันกำลังมาแรง และมีความเป็นไปได้สูงว่ากลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวมีความต้องการมองหาพื้นที่สำหรับการลงทุนเพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น ในเบื้องต้นบริษัทเปิดรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

ด้านจุดเด่นของโครงการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ในนิคมอุตสาหกรรมบางปูมีโรงงานให้เช่าเพียงรายเดียวเท่านั้น และปัจจุบันมีผู้เช่าเต็มแล้ว ดังนั้น โครงการ AFC SME FACTORY จึงถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อีกทั้ง ยังตั้งอยู่ใกล้กับจุดสำคัญในด้านการขนส่ง หรือส่งออกผลิตภัณฑ์หลายจุด จึงทำให้มีความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง โดยในปัจจุบัน บริษัทได้ทำการโปรโมททั้งช่องทางออนไลน์ อาทิ การโฆษณาในเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ และเว็บไซต์ของบริษัทเอง เป็นต้น รวมทั้ง ช่องทางออฟไลน์ เช่น การติดป้ายโฆษณาตามจุดต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง

“ที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู เป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการมาทำธุรกิจในบริเวณดังกล่าว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือแหลมฉบัง สามารถเดินทางได้สะดวก ขณะเดียวกัน ยังตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ จึงตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการมาผลิต และทำการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางอากาศที่มีความรวดเร็วได้เป็นอย่างดี” ผู้บริหารกล่าว

ขณะเดียวกัน ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างบริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และมาตรฐานการก่อสร้างของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมโดย CM : Construction Management), QC : Quality Control และ QS : Quantity Surveyor รวมถึง มาตรฐานที่ใช้ในด้านของวัสดุ-อุปกรณ์ อาทิ มอก. เป็นต้น พร้อมทั้ง ปฏิบัติตามกฎระเบียบของนิคมอุตสาหกรรมในด้านอัคคีไฟอย่างเคร่งครัด

ส่วนก่อสร้างโครงการ AFC SME FACTORY เฟส 2 บริษัทมีแผนที่จะดำเนินการต่อเนื่อง โดยจะใช้งบลงทุนและขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับเฟส 1 อย่างไรก็ตาม ต้องดูผลตอบรับจากเฟส 1 เป็นองค์ประกอบในการพิจารณา ทั้งนี้ หากมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ และความต้องการโรงงานให้เช่ายังคงสูง สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจาก บริษัทมีความพร้อมในหลายๆ ด้านรองรับ ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน และระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น

คุณเจน กล่าวต่อถึงเป้าหมายรายได้ในปี 2563 ว่า คาดว่าจะเติบโตเพิ่มจากปี 2562 ประมาณ 10% ภายใต้เงื่อนไข รัฐบาลไม่ได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ประเทศเป็นรอบที่ 2 ในช่วงปลายปีนี้จนถึงปี 2564 เนื่องจาก ในปี 2562 ที่ผ่านมา (ปีบัญชีเริ่มกรกฎาคม 2562-มิถุนายน 2563) บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มากพอสมควร เพราะสัดส่วนรายได้หลักในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จะมาจากการส่งออกสูงถึง 70% ขณะที่จำหน่ายภายในประเทศ 30% ทั้งนี้ หากมีมาตรการล็อกดาวน์จะทำให้ธุรกิจชะงักงันในหลายด้าน

ด้านกลยุทธ์การดำเนินงาน บริษัทเริ่มให้ความสนใจเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน โดยให้ความสนใจกับวัสดุรีไซเคิลมากยิ่งขึ้น เนื่องจากวัสดุที่บริษัทใช้มาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ยังไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน ขณะที่ ลูกค้าของบริษัทได้เริ่มเรียกร้องในส่วนของการใช้วัสดุรีไซเคิลเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องมุ่งเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความสอดคล้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำไรให้แก่บริษัทได้ เนื่องจากกระแสกำลังมาแรงและราคาดีกว่าแบบเดิม

ปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการใน 2 รูปแบบ ประกอบด้วย 1. ไนล่อนที่ผลิตมาจากวัสดุรีไซเคิล โดยซื้อจากประเทศไต้หวัน จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อให้พร้อมใช้งาน ต่อจากนั้นจึงนำไปย้อมสี พร้อมทั้งนำมาทดลองจนกว่าจะใช้งานได้จริง รวมทั้ง มีคุณสมบัติเทียบเคียงกับวัสดุที่ผลิตได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทั้งนี้ ในระหว่างการทดลองบริษัทได้ดำเนินการร่วมกับลูกค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการันตีความเชื่อมั่น ขณะนี้ได้เริ่มทยอยส่งมอบให้ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อย และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี 2. เส้นใยเติมสี ซึ่งในส่วนนี้ จะดำเนินการตามความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มชาวประมงที่ต้องการสีของแห หรืออวน เพื่อให้กลมกลืนกับสีของแหล่งน้ำในแต่ละพื้นที่ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าเช่นกัน

Page Visitor

010761174
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
2376
4620
40760
107890
147900
10761174
Your IP: 3.14.141.17
2024-05-19 12:06
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.