กางแผนงานปี 65 “สพร.” มุ่งขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลไปสู่ Data Driven Government
สพร. เผยแผนการดำเนินงานปี 65 มุ่งขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลไปสู่ Data Driven Government จัดตั้งสถาบัน DIGI ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐให้มีคุณภาพตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูล ภายใต้ภารกิจหลัก 4 ด้าน พร้อมเดินหน้าสานต่อภารกิจเดิม มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มกลาง บวกต่อยอดโครงการต่างๆ พัฒนาการให้บริการของภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2565 ว่า สพร. จะมุ่งผลักดันการดำเนินงานด้าน Data เป็นหลัก โดยเน้นขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลไปสู่ Data Driven Government โดยปัจจุบัน สพร. ได้จัดตั้งสถาบันนวัตกรรมข้อมูลและธรรมาภิบาล หรือ สถาบัน DIGI (Data Innovation and Governance Institute) เพื่อขับเคลื่อนงานด้าน Data Driven Government โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยสถาบัน DIGI มีเป้าหมายในการดำเนินงาน คือ ยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐให้มีคุณภาพตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูล นำไปสู่การเปิดเผย เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมข้อมูลสำหรับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งจะดำเนินการในภารกิจที่สำคัญทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ 1.Data Governance สนับสนุน/ช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐให้เกิดการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลที่ดีตามกรอบธรรมาภิบาล
2.Data Skill พัฒนาทักษะด้านข้อมูล (Up-Skill, Re-Skill) ของบุคลากรภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อนำไปสู่การจ้างงาน 3.Data Community สร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน จนเกิดชุมชนผู้ใช้ประโยชน์ข้อมูลในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และ 4.Data Innovation ขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างนวัตกรรมข้อมูล (Data Innovation) ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ในปี 2565 ยังมีโครงการที่จะผลักดันให้เกิดขึ้น คือ DIGI Data Camp ซึ่งเป็นโครงการที่จะเชิญชวนบุคลากรภาครัฐที่สนใจในด้านนี้มาฝึกอบรมให้ความรู้ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อที่จะให้บุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในหน่วยงานของตนเอง อีกทั้ง สพร. ยังได้เปิดตัวชุดข้อมูลใหม่ ได้แก่ ชุดข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย หรือ คปภ. เป็นข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ที่ประชาชนสามารถนำไปวิเคราะห์ถึงแนวโน้มต่างๆ ในด้านนี้ได้
ด้านแพลตฟอร์มกลาง ในปีนี้ สพร. จะมุ่งขับเคลื่อนใน 2 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ แพลตฟอร์มข้อมูลด้านสวัสดิการ ซึ่งได้บูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลของสวัสดิการได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” รวมทั้ง แพลตฟอร์ม “หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (One ID One SMEs)” ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่ง สพร. มีหน้าที่จัดทำ Digital ID ให้แก่ SMEs เพื่อนำไปใช้บริการของภาครัฐที่เป็นรูปแบบออนไลน์ได้ทั้งหมด
รวมทั้งโครงการอื่นๆ ที่จะดำเนินการต่อเนื่องในปี 2565 อาทิ ด้านการศึกษา โครงการ Digital Transcript ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และมหาวิทยาลัย, ด้านหน่วยงานท้องถิ่น โครงการการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นดิจิทัล สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Local Service) แบบออนไลน์ และด้านสาธารณสุข และคนต่างชาติ โครงการ Thailand Pass
ล่าสุด สพร. ได้จัดทำร่างแผนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยในปี 2566-2570 โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนา ได้แก่ “บริการภาครัฐสะดวก โปร่งใส ทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชน” ซึ่งจะเพิ่มการพัฒนาในด้าน สิ่งแวดล้อม, การท่องเที่ยว, ด้านแรงงาน และด้านยุติธรรม เป็นต้น พร้อมมุ่งเน้นให้เกิด e-Service แต่หัวใจสำคัญยังคงเป็น Data Driven Government ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีความคล่องตัว และอาศัยข้อมูลเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติงานของภารัฐ ปัจจุบันเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขอการอนุมัติภายในปี 2565 นี้
ดร. สุพจน์ กล่าวต่อในตอนท้ายว่า อยากเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มที่หน่วยงานภาครัฐได้จัดทำขึ้น ทั้งนี้ หากเข้ามาทดลองใช้แล้วเห็นว่าต้องปรับปรุงหรือต้องแก้ไขเพิ่มเติมสามารถแจ้งเข้ามาได้ ซึ่ง สพร. พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและนำมาแก้ไขอย่างเต็มที่ รวมถึง ด้านชุดข้อมูลเปิด หากประชาชนมีชุดข้อมูลใดที่ต้องการสามารถแจ้งเข้ามาได้ทันที โดย สพร. จะไปรวบรวมและขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของข้อมูลเพื่อให้เกิดการเปิดเผยชุดข้อมูลนั้นๆ และท้ายที่สุด สพร. คาดหวังว่าจะเกิดการวิเคราะห์ข้อมูลและนำข้อมูลที่มีไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ต่อไป
