กางแผนธุรกิจ “ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” เตรียมตัวเปิดโปรเจค “พูลวิลล่าตากอากาศ Hyluxe แม่ริม”
ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์เผยแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัวอีก 1 โปรเจคระดับลักซ์ชัวรี “พูลวิลล่าตากอากาศ Hyluxe แม่ริม” ต่อเนื่องจากต้นปีที่ได้เนรมิตโครงการ “Hycondo ท่าศาลา เชียงใหม่” เฟส 1 ไป ตั้งเป้าผลประกอบการปี 65 จาก 2 โครงการ รวม 150 ลบ. พร้อมเตรียมแผนขยายการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจแบบครบวงจร พัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์เชิงพาณิชย์หนุนการเติบโตในอนาคต
คุณชูโบดีบ พลาซันต้า ดัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2565 ว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการระดับลักซ์ชัวรีอีก 1 โครงการ โดยเป็นโครงการพูลวิลล่าตากอากาศ Hyluxe แม่ริม มูลค่าโครงการรวมกว่า 300 ล้านบาท เป็นพูลวิลล่าตากอากาศสุด Exclusive วิวภูเขา มีความเป็นส่วนตัว เพียง 11 ยูนิต บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยว
โดยโครงการตั้งอยู่บนถนนแม่ริม-สะเมิงสายเก่า ใกล้โรงแรมโฟร์ซีซัน เชียงใหม่ ราคาขายเริ่มต้น 27 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและตกแต่งบ้านตัวอย่าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างและโครงการประมาณไตรมาส 4 ปีนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการ Hycondo ท่าศาลา เชียงใหม่ เฟส 1 ไป มูลค่าโครงการ 170 ล้านบาท ปัจจุบันเฟส 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และยื่นขอใบอนุญาต EIA มูลค่ารวมโครงการกว่า 500 ล้านบาท นับเป็นโครงการแรกของบริษัทที่มียอดจองต่อเนื่องกว่า 40% โดยเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ เจ้าของธุรกิจ นักลงทุน ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่แบบปากต่อปาก
ทั้งนี้ บริษัทได้ก่อสร้างภายใต้คอนเซ็ปต์ทางการตลาด Lifestyle by Design เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน ซึ่งนำเทรนด์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยการตอบรับพฤติกรรมต่างๆ ของผู้บริโภคในช่วงโควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี สมาร์ทโฮมเข้ามาใช้ในโครงการเพื่อลดการสัมผัส รวมถึง การพัฒนาธุรกิจอื่นผสมผสานกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย
“การทำกลยุทธ์ช่องทางการตลาดในจังหวัดเชียงใหม่ มีความแตกต่างทางจากโครงการอสังหาฯ ที่กรุงเทพฯ โดยสิ้นเชิง เรายังเชื่อว่าโปรโมชันการตลาดต่างๆ ยังคงมีผลช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักได้ อาทิ แคมเปญ ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และยังเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อที่มีความพร้อมในช่วงนี้ เพราะราคาที่อยู่อาศัยมีความเหมาะสมและคุ้มค่า ก่อนที่โครงการใหม่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดและมีการปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนปัจจุบัน เชื่อว่าคนยังใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง แม้โควิด-19 โอไมครอนจะยังระบาดอยู่ หากผ่านพ้นไปได้คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติในช่วงครึ่งปีหลังนี้” คุณชูโบดีบ พลาซันต้า ดัสกล่าว
นอกจากนี้ ในปี 2565 นี้ บริษัทตั้งเป้าผลประกอบการจากการเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการรวม 150 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจแบบครบวงจร โดยจะพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์เชิงพาณิชย์ ประกอบไปด้วยร้านค้า สำนักงาน และลานกิจกรรม โดยมีแผนจะสร้างให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในย่านหางดง ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ โดยจะทำการเปิดตัวในปีหน้าอีกด้วย
คุณชูโบดีบ พลาซันต้า ดัส กล่าวต่อถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ในปี 2565 ว่า ยังมีความท้าทาย อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ภาวะหนี้ครัวเรือน ความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับมายังจังหวัดเชียงใหม่ หากมีตัวเลขที่เพิ่มจำนวนสูงขึ้นต่อเนื่อง จะสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ ของจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดีต่อไป จากการประเมินภาพรวมเครื่องชี้วัดทางด้านอุปสงค์และอุปทานในธุรกิจภาคอสังหาฯ เชื่อว่าน่าจะกลับมาเป็นปกติในปลายปี 2566
นอกจากนี้ เนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2565 เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ แต่อุปทานด้านอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีเพิ่มขึ้น และรัฐบาลได้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 4% ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในภาคธุรกิจอสังหาฯ โดยครึ่งปีแรกผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ยังอยู่ในหมวดของการเตรียมตัว
นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่เดิมได้มีการผลักดันให้ทุกอำเภอยกระดับสู่พื้นที่ Blue Zone โดยบริษัทได้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ส่วนตัวเห็นด้วยกับการที่มีนโยบายรณรงค์ผลักดันทั้งจังหวัดเพื่อต้อนรับต่างชาติ เป็นแนวคิดที่ดีที่ควรจะนำไปสู่ภาคการปฏิบัติทั้งจังหวัด เพื่อเร่งฟื้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่
