SEP สยายปีกธุรกิจเนรมิตเฟส 2
SEP ขยายพื้นที่นิคมอุตฯ เฟส 2 บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ภายใต้ชื่อโครงการ “สยาม กรีน ซีตี้ (Siam Green City)” เจาะกลุ่มลูกค้าชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ เตรียมทุ่มงบกว่าหมื่นลบ. ผุดโครงการ “K CITY” บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ติดชายทะเลใกล้นิคมอุตสาหกรรมบางปู คาดว่าจะพร้อมให้บริการในปี 2563
คุณเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานบริหาร พัฒนาธุรกิจ บริษัท สยามอีสเทิร์นอินดัสเตรียลพาร์ค จำกัด หรือ SEP เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทได้ขยายพื้นที่นิคมอุสาหกรรมสยามอีสเทิร์นอินดัสเตรียลพาร์ค หรือ SEP เฟส 2 ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการ SEP เฟสแรก โดยตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่
สำหรับมูลค่าการลงทุน SEP เฟส 2 บริษัทใช้งบในการพัฒนากว่า 2,000 ล้านบาท และได้พัฒนาเป็นโครงการเขตประกอบการภายใต้ชื่อโครงการ “สยาม กรีน ซีตี้ (Siam Green City)” ซึ่งบริษัทได้เข้าพัฒนาระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติม โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสีย น้ำประปา เพื่อรองรับโรงงานต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และได้มีการแบ่งสัดส่วนกลุ่มลูกค้าชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ประมาณ 90% และอีก 10% จะเป็นลูกค้ากลุ่มเม็ดพลาสติก ฟิล์มติดกระจก และอุตสาหกรรมก่อสร้าง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้บริหารที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ โรงแรม ขนาดประมาณ 100 ห้อง, อพาร์ตเมนต์ ขนาด 100 ห้อง และคอนโดมิเนียมหรู โดยภายในโครงการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมสนามไดรฟ์กอล์ฟ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท
“โครงการนี้ยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI โดยได้รับสิทธิด้านภาษีอากร 8 ปี 100% และ 5 ปี 50% นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องของคุณภาพการผลิต ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้นักลงทุนยังนิยมเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทยอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เราเห็นศักยภาพในการเติบโตที่จะมีการขยายตัวมากขึ้นในอนาคต” คุณเอกสิทธิ์ กล่าว
คุณเอกสิทธิ์ กล่าวต่อถึงโครงการในอนาคตว่า บริษัทเตรียมลงทุนพัฒนาที่ดินกว่า 300 ไร่ ติดชายทะเล ใกล้นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้ชื่อโครงการ “K CITY” ภายในโครงการจะประกอบด้วย ท่าเรือเฟอร์รี่, โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว, คอนโดมิเนียม, สวนสนุกขนาดใหญ่, คอมมูนิตี้มอลล์, โรงเรียนพาณิชย์นาวี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการ100% ในปี 2563
สำหรับท่าเรือเฟอร์รี่จะให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวจากบางปู ไปยังพัทยาและหัวหิน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางวิ่งวนจากบางปู-พัทยา-หัวหิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพของทะเลในย่านนี้ โดยเรือเฟอร์รี่ดังกล่าวจะเป็นเรือขนาดใหญ่ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 500 คน และบรรทุกรถยนต์ได้ราว 30 คัน ในเบื้องต้นจะใช้เรือ 3 ลำ มูลค่าการลงทุนลำละประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าท่าเรือเฟอร์รี่จะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2560
คุณเอกสิทธิ์ กล่าวปิดท้ายว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบและเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ดีที่สุด มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมและทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ และในปัจจุบันพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเขต 3 เหลือไม่มากนัก รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นนิคมฯ ที่ปลอดมลพิษอีกด้วย