October 13, 2024

Biz Focus Industry Issue 135, April 2024

User Rating: 5 / 5

Star ActiveStar ActiveStar ActiveStar ActiveStar Active
 

เวิลด์เพ้นท์ เคลื่อนทัพธุรกิจเน้นตลาดออนไลน์ ขยายการส่งออก พร้อมเจาะกลุ่มผู้อาศัยเพิ่มขึ้น

          เวิลด์เพ้นท์ ผู้ผลิตสินค้าสีทาบ้านคุณภาพสูง เผยกลยุทธ์สร้างการเติบโตธุรกิจ เดินหน้าเน้นการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง มุ่งพัฒนาโปรดักส์ด้วยนวัตกรรมและกรีน ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้าน ผู้อาศัย และคนรุ่นใหม่ พร้อมเตรียมลุยส่งออก CLMV โดยเฉพาะเวียดนาม คาดปี 2567 ยอดขายโต 15-20% มั่นใจอุตสาหกรรมก่อสร้างยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

คุณเกียรติยศ วงศ์กิตติชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เพ้นท์ จำกัด หรือ Worldpaint 

          คุณเกียรติยศ วงศ์กิตติชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เพ้นท์ จำกัด หรือ Worldpaint กล่าวว่า “ในปีนี้กลยุทธ์ของบริษัทคือการมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ อย่างเจ้าของบ้าน ผู้อยู่อาศัย รวมถึงกลุ่มเจเนอเรชั่นใหม่ที่อยู่ในวัยสร้างตัว และกำลังจะมีบ้าน เนื่องจากเราต้องการให้ลูกค้าได้เข้าถึงและลองใช้สินค้าของเวิลด์เพ้นท์มากยิ่งขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ช้อปปิ้งออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งก็ตรงกับความพยายามของบริษัทที่เน้นดันสินค้าสีเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada และ TikTok Shop รวมถึงช่องทาง Facebook และ Line Official ด้วย” 

          อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหน้าร้าน ปัจจุบันเวิลด์เพ้นท์มีลูกค้าพันธมิตรที่เป็นร้านค้า ร้านอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วประเทศเกือบ 300 เอาท์เล็ต ซึ่งบริษัทได้มีการทำการตลาดแบบมาร์เก็ตติ้งออนไซต์กับพันธมิตรด้วย อย่างเช่นการจัดบูธกิจกรรม แจกของแถม รวมถึงเรายังมีโปรดักส์คอนซัลเทิร์น หรือ PC ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทไปอยู่หน้างาน เพื่อให้ความรู้และส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ให้ลูกค้าเข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยจากกลยุทธ์ดังกล่าว จะเป็นสิ่งที่มากระตุ้นยอดขายของเวิลด์เพ้นท์ในปีนี้ และอนาคต

          นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านใหม่ เพื่อครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย พร้อมทั้งยังเตรียมเรื่องการส่งออกให้มากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์สีของเวิลด์เพ้นท์เป็นสินค้านวัตกรรม และเราให้ความสำคัญเรื่องกรีน ซึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีไม่แบรนด์ใดทำการตลาดมากนัก บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในเรื่องของการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV ที่น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และถือเป็นการขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกอยู่แล้วกับประเทศเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย และปีนี้เราจะเน้นที่ตลาดประเทศเวียดนาม เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตของประเทศ และนโยบายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน เวียดนามจึงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับเวิลด์เพ้นท์ในปีนี้

          คุณเกียรติยศ กล่าวต่อว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเราค่อนข้างมั่งคง โดยบริษัทมีการเติบโตในแง่ของยอดขายประมาณ 20-30% ด้วยปัจจัยจากการทําตลาดในต่างจังหวัดเป็นหลัก เนื่องจากช่วงโควิด ประเทศล็อกดาวน์ผู้คนกระจายสู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ซึ่งพวกเขาก็ได้โอกาสกลับไปซ่อมแซมบ้านให้พ่อแม่ หรือพัฒนาชุมชนบ้านเกิด ก็ทําให้ยอดขายของบริษัทในต่างจังหวัดโตขึ้น ขณะที่ปี 2565 และ 2566 ไม่ได้เพิ่มหรือลดมากยังอยู่ในตัวเลข ประมาณ 1 Digit ซึ่งปีที่แล้วบริษัทได้มีการรีแบรนด์ดิ้งใหม่ เพื่อเป็นการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น โดยได้ปรับเปลี่ยนสโลแกน โลโก้ รูปแบบฟอนต์ ถังบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ให้ดูทันสมัย มินิมอล ตามเทรนด์ของตลาด เพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคที่มากขึ้นด้วย

          “ปี 2567 เราคาดว่าจะโตอยู่ที่ 15-20% ในแง่ของยอดขาย เดี๋ยวนี้เราทำธุรกิจจะมองแต่กําไรไม่ได้ เราต้องมองด้วยว่าสินค้ามันจะไปต่อได้ไกลแค่ไหน โดยปัจจุบันในวงการก่อสร้างเราเป็นพาร์ทปิดผิว ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญมากๆ งานเราอยู่เกือบจะท้ายสุดของกระบวนการ ถ้าเราทำได้ไม่ดี คุณภาพไม่ได้ มันก็ไม่ดีแบรนด์เรา แล้วเราก็เลือกไม่ได้ว่าจะให้ช่างใช้ปูนหรือพื้นผิวอะไร แต่เราต้องไปปิดให้เค้า ฉะนั้นเราต้องทำของเราให้ดีที่สุด และต้องทำให้กรีนด้วย เพราะคนที่ใช้เขาสัมผัสโดยตรงกับสินค้าเรา ทั้งนี้ เมื่อเราเข้าไปสู่กรีนโปรดักส์ ผมมองว่า 1-2 ปีนี้ ตัวเลขอาจจะยังไม่ได้มาเต็มที่ แต่ในอนาคตตัวเลขจะโตขึ้นแน่ๆ และสิ่งที่เราได้มากขึ้นก็คือพอเราทําสินค้านวัตกรรมด้วย กรีนด้วยเราจะได้ส่วนกําไรที่มากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเรากล้าที่จะทําอะไรใหม่ๆ และพัฒนาสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง” คุณเกียรติยศกล่าว

          ตลอดระยเวลาการดำเนินธุรกิจของบริษัท เราพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์สีมาอย่างต่อเนื่อง โดยนวัตกรรมที่เรามุ่งเน้นจะประกอบด้วย 3 โจทย์หลักๆ คือ 1. กรีน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2. การทำให้ระบบก่อสร้างง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสวยขึ้น และ 3. การเข้าถึงเจ้าของบ้านมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเรามีสีที่ทาได้หลากหลายพื้นผิว แม้บางพื้นผิวจะใช้สีทาไม่ได้ หรือไม่นิยมทา บริษัทก็พยายามคิดค้น พัฒนานวัตกรรมสำหรับทาบนพื้นผิวที่หลากหลายขึ้น แห้งไว ไร้กลิ่น ซึ่งถือเป็นการสร้างความสะดวกให้กับช่างสี ลดต้นทุนเจ้าของบ้าน และยังช่วยลดมลพิษต่างๆ ลงอีกด้วย นอกจากนี้เรายังมีสีสร้างลายที่จะตอบโจทย์เจ้าของบ้าน รวมถึงสีทาพื้นกันลื่น ซึ่งสามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุของผู้สูงอายุลงได้ด้วย

“ในแง่ของสินค้ากรีนโปรดักส์ คือสีมันเป็นเคมีอยู่แล้ว มันจะกรีนยังไง ต้องอธิบายว่ากระบวนการผลิตสี บริษัทต้องคัดเลือกวัตถุดิบที่เป็นกรีนก่อน โดยจะมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นซัพพลายเออร์ของเรา เวลาเขามานำเสนออะไรเขาจะมาพร้อมกับใบรับรองมาตรฐาน เช่น กรีนของยุโรป อเมริกา สิงคโปร์ หรืออันไหนเป็นวัตถุดิบที่มาจากประเทศไทย ก็ต้องดูว่ามี ISO ตัวไหน มีใบรับรองด้านสิ่งแวดล้อมอะไรบ้าง ซึ่งเราก็จะคัดสรรให้กรีนทั้งหมด ถ้าลูกค้าใช้แล้วเกิดการแพ้ หรือพนักงานเราแพ้ เราต้องปรับปรุงทันที พร้อมบอกวิธีป้องกันต่างๆ ให้กับลูกค้าด้วย” คุณเกียรติยศกล่าว

          สำหรับโอกาสและความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ คุณเกียรติยศ กล่าวว่า โอกาสของเราในปีนี้คงเป็นเรื่องดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพราะเป็นโอกาสที่กว้างมาก เราสามารถขายสินค้า และสื่อสาร ให้ความรู้ความเข้าใจกับลูกค้าในเรื่องของการใช้สีได้ผ่านช่องทางดิจิทัลต่างๆ ซึ่งบริษัทมองว่าจะเติบโตได้อีกมาก ยิ่งไปกว่านั้น เวิลด์เพ้นท์เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสี เราอยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งณ ขณะนี้ยังไม่มีใครหรือแบรนด์ใดเป็นเจ้าตลาดออนไลน์ รวมไปถึงเรื่องการส่งออก ฉะนั้นนี่จึงเป็นโอกาสหนึ่งของเวิลด์เพ้นท์ในธุรกิจนี้ ส่วนในแง่ของความท้าทาย คงเป็นเรื่องของการขาดแคลนวัตถุดิบ ผนวกกับความผันผวนของค่าเงิน ต้นทุนค่าขนส่งวัตถุดิบ และค่าระวางเรือที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลกระทบจากสงครามต่างๆ ซึ่งทุกธุรกิจน่าจะประสบปัญหานี้เช่นเดียวกันกัน เราที่ต้องควบคุมต้นทุนต่างๆ ให้ดี นอกจากนี้เรื่องการขาดแคลนพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย หรือฝ่ายผลิตก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเราเช่นกัน ในยุคสมัยนี้ที่แรงงานไทยหายาก เราจึงต้องมองหาแรงงานต่างชาติมาทำงานมากขึ้น

          คุณเกียรติยศ กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจด้วยว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างต้องโตกว่า GDP ของประเทศ เพราะหากไม่โต ประเทศจะไม่พัฒนา และไม่น่าลงทุน โดยการที่จะโตได้ต้องมีโครงการเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้น ไม่ว่าจะของภาครัฐหรือเอกชน ซึ่งเมื่อโครงการเกิดขึ้น 1 โครงการ สินค้าสีและเคมีก่อสร้างของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 8% ของมูลค่าโครงการ อย่างไรก็ตามหากมองตลาดอาเซียน ในภาพรวมยังอยู่ระดับที่ดี มีโอกาสพัฒนาได้ต่อ และน่าลงทุน ตอนนี้ประเทศไทยเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในด้านการท่องเที่ยว หากหันมาเน้นเรื่องของการลงทุนจะเติบโตได้อีกมาก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าจะสามารถดึงนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยได้หรือไม่ หากทำได้และประสบความสำเร็จ จะส่งผลต่ออุสาหกรรมก่อสร้าง รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะโตตามไปด้วย

          ทั้งนี้ บริษัท เวิลด์เพ้นท์ จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2533 ผลิตสินค้าสีทาบ้านภายใต้แบรนด์ WorldTone, WorldShield และ NUSO ที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่คุณภาพและมาตรฐานของสินค้าจนได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) มีการพัฒนาสินค้าอย่างครบวงจรในงานก่อสร้าง โดยคำนึงถึงการใช้งาน ความแข็งแรง และความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบุคลากรและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในทุกยุคทุกสมัย เพื่อให้ได้คุณภาพสีเทียบเท่าสีแบรนด์หลักในท้องตลาด อีกทั้งสีเวิลด์เพ้นท์ได้นำเอาเทคโนโลยีเครื่องผสมสีด้วยระบบ Al และนำเข้า Titanium จากสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ได้เนื้อสีที่สะท้อนแสงแดดเมืองไทย ป้องกันฝนกรดและมลพิษ PM2.5 โดยคำนึงถึงเจ้าของบ้านและช่างสีเป็นหลัก ทำให้คุณภาพสีของเวิลด์เพ้นท์ผ่านทุกมอก. ฉลากประหยัดไฟ และ ISO เพื่อให้ทุกถังของสีเวิลด์เพ้นท์ มีคุณภาพมาตรฐาน และความทนทานสูงสุด

www.worldpaint.co.th

Page Visitor

011880081
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
5511
14322
84056
120117
209955
11880081
Your IP: 3.239.3.196
2024-10-13 05:06
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.