December 22, 2024
01Top_Nine-Plus

Biz Focus Industry Issue 140, September 2024

User Rating: 2 / 5

Star ActiveStar ActiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

กางแผนธุรกิจ “กรไทย” ปักธงยอดขาย 4,000 ลบ.

          กรไทย บริษัทชั้นนำของประเทศ โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอาหารที่เป็นผงด้วยเครื่อง Spay Dryer เผยแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง เล็งหาฐานลูกค้าใหม่ๆ ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เดินหน้าเปิดสายการผลิตใหม่ “Spay Dryer” กำลังการผลิต 3,000 ตันต่อเดือน รองรับความต้องการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต หนุนเป้ายอดขายรวมปีนี้ทะยานแตะ 4,000 ลบ. พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งองค์กร 42 ปีแห่งความสำเร็จ ชูเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน

คุณวัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรไทย จำกัด 

          คุณวัชรลักขณ์ ตัณฑ์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรไทย จำกัด กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในช่วงปีหลังว่า บริษัทเน้นการหาฐานลูกค้าใหม่ๆ ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยจะให้ความสำคัญในการเข้าร่วมงานแฟร์ในต่างประเทศ จากแต่เดิมที่ไม่ค่อยได้เข้าร่วมมากนัก ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าร่วมงานงานแฟร์ในต่างประเทศไปแล้ว 3-4 งาน อาทิ กัมพูชา บรูไน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่จะร่วมงานออกบูธกับของหน่วยงานราชการเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

          ทั้งนี้ การเข้าร่วมงานแฟร์และการออกบูธต่างๆ เช่น การเข้าร่วมงาน Business Matching หรือ การจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น จะเป็นการสร้าง Connection ของบริษัทให้ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ๆ ที่บริษัทอาจจะยังไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ อยู่ที่ 60% และในปีนี้ลูกค้าต่างประเทศถือได้ว่ามาแรง สำหรับลูกค้าหลักรายใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย โดยโปรดักส์เรือธง คือ ผลิตภัณฑ์ครีมเทียม

          “เหตุผลที่เราต้องการขยายตลาดต่างประเทศให้กว้างมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้ตลาดในประเทศไทยอยู่ในภาวะถดถอย หรือ Slowdown ซึ่งในช่วงการเกิดสถานการณ์โควิด-19 ลูกค้ายังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มีลูกค้าหลายรายได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และหายไปจากตลาดหลายเจ้า ซึ่งเรามองว่าขณะนี้ลูกค้าในประเทศมีจำนวนไม่เยอะเท่าลูกค้าต่างประเทศแล้ว ทำให้เราต้องมองหาลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นประเทศที่เรายังไม่ได้เข้าไปทำตลาด เช่น อินเดีย และกัมพูชา เป็นต้น” คุณวัชรลักขณ์กล่าว

          อย่างไรก็ตาม การขยายฐานตลาดในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนค่าขนส่งที่มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งเกิดจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้เรือบรรทุกสินค้าใช้ระยะเวลานานในการเดินเรือเพิ่มขึ้น เพราะต้องวิ่งอ้อมเส้นทางการเดินเรือ

          รวมทั้ง ก่อให้เกิดปัญหา Late Time ทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่าระยะเวลาเดิม หากผลิตภัณฑ์มีปัญหา อาจเป็นเรื่องใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดในต่างประเทศได้ เพราะมี Volume ค่อนข้างสูง รวมถึงความเข้มงวดของแต่ละประเทศ ในการควบคุมการจ่ายเงินออกนอกประเทศเป็นสกุลเงิน US Dollar ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่บริษัทใช้ในการทำธุรกรรมการเงิน

          ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทได้เปิดสายการผลิตใหม่ “Spay Dryer” เมื่อเดือนกันยายน กำลังการผลิต 3,000 ตันต่อเดือน ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของตลาดทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดี มูลค่าการลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท (ค่าเครื่องจักร ค่า Robot และค่าที่ดิน) โดยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในระยะเวลา 5-7 ปี

          โดยสายการผลิตใหม่ “Spray Dryer” ตั้งอยู่ในบริเวณโรงงานเดิมในจังหวัดราชบุรี และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมอัพเกรดเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย และเป็น Auto Line มากขึ้น โดยมีการนำ Robot มาใช้ในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการแพคกิ้ง และอื่นๆ จำนวน 4 ตัว

          สำหรับสายการผลิตใหม่ “Spay Dryer” จะเน้นผลิตครีมเทียม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั่วไป หรือ ตลาด Mass อาทิ แบรนด์ มิสเตอร์ เซฟ (Mister Save) โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมียอดจำหน่ายสูง ซึ่งลูกค้าจะสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก

          “สายการผลิตใหม่ “Spray Dryer” นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สร้างความแข็งแกร่งให้แก่เราได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับนโยบายการทำงานที่จะต้องมีการลดจำนวนพนักงานตามเทรนด์ธุรกิจ โดยในสายการผลิตใหม่นี้ เราได้นำ Robot 4 ตัวเข้ามาทำงานแทนพนักงาน ซึ่งช่วยลดจำนวนพนักงานได้ค่อนข้างมาก อีกทั้ง ยังส่งผลให้การทำงานมีคุณภาพ มีความละเอียด และมีความแม่นยำสูงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมธุรกิจของเราในบางสายงานยังคงต้องมีพนักงานควบคุมอยู่เช่นเดิม เพราะเรามีหลายโปรดักส์ เพราะฉะนั้นจะใช้ Robot 100% ยังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้” คุณวัชรลักขณ์ กล่าว

          คุณวัชรลักขณ์ กล่าวต่อถึงเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ ว่า คาดว่าจะสามารถปิดยอดขายรวมได้ที่ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% โดยสัดส่วนยอดขายหลักจะมาจากผลิตภัณฑ์ครีมเทียมสูงถึง 95% ส่วนที่เหลืออีก 5% จะอยู่ในส่วนของกะทิผง แบรนด์ “ชาวไทย” เป็นหลัก โดยประมาณการว่าจะสร้างยอดขายได้ที่ 300 ล้านบาท นอกนั้น จะเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ

            ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจค่อนข้างมากว่าตัวเลขยอดขายดังกล่าวจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะมีปัจจัยบวกจากลูกค้าเดิมทั้งในและต่างประเทศหลายรายที่ชะลอตัวไปก่อนหน้านี้จากสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และมีสัญญาณที่ดีว่าจะกลับมาเป็นลูกค้าของบริษัทเช่นเดิม รวมถึง ลูกค้ารายใหม่ที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากบริษัทมีจำนวนลูกค้าที่เป็นไปตามการคาดการณ์ คาดว่าแนวโน้มตัวเลขยอดขายปีนี้อาจจะพุ่งสูงกว่า 4,000 ล้านบาท

            “ในปีนี้หากเราปิดตัวเลขยอดขายได้ที่ 4,000 ล้านบาท เราจะมีความพึงพอใจค่อนข้างมาก เนื่องจากภาพรวมธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมากที่สุดตั้งแต่เราเคยตั้งบริษัทมา โดยมีการตัดราคาสินค้าจากคู่แข่งกันอย่างดุเดือด ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ทำให้ลูกค้าล้มหายไปจากตลาดเยอะมาก และเห็นภาพได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดขายดังกล่าวยังไม่ได้เป็นตัวเลขยอดขายสูงสุดที่เราอยากได้ เพราะในช่วงการเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตัวเลขยอดขายของเราได้เคยขึ้นถึง 4,000 ล้านบาทมาแล้ว” คุณวัชรลักขณ์ กล่าว

          ด้านปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยหลักๆ คือ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ เนื่องจากวัตถุดิบจะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าของบริษัท ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 วัตถุดิบได้มีการปรับราคาสูงขึ้นมาก แต่หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ราคาวัตถุดิบกลับสู่ภาวะปกติ แต่ในขณะนี้เกิดสถานการณ์ปาล์มขาดตลาด ผลผลิตไม่ออกตามฤดูกาล ประกอบกับฝนตกทำให้ผลปาล์มตกหล่น และโตไม่เต็มที่ทำเกรดไขมันน้อยลง ส่งผลให้ผลิตสินค้าได้น้อยลง

          ประกอบกับผลปาล์มถูกกว้านซื้อจากพ่อค้าคนกลาง เพื่อไปทำน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก ส่งผลให้ราคาปาล์มขยับสูงขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทและซัพพลายเออร์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและทำธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน จึงสามารถที่จะมีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิต

          ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2568 จะเป็นนโยบายต่อเนื่องจากปีนี้ โดยยังเน้นขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่มี Volume จำนวนมาก ผ่านช่องทาง Connection และ Business Matching พร้อมทั้ง พยายามดึงลูกค้าเก่ากลับมา โดยคาดว่าตลาดจีนน่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีนี้

          คุณวัชรลักขณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า กรไทยเป็นบริษัทที่เก่าแก่ โดยดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 42 ปีแล้ว ทั้งนี้ด้วยพื้นฐาน ด้วยคุณภาพของบริษัทที่เน้นย้ำเสมอมา ทำให้บริษัทเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และที่สำคัญ คือ บริษัทเน้นความเป็นไทย ในปัจจุบันบริษัทจะสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยใช้วัตถุดิบไทยเป็นหลักในปริมาณจำนวนมาก ยกเว้นวัตถุดิบบางประเภทที่ไม่มีในประเทศไทย ซึ่งต้องนำเข้ามาเท่านั้น

          “ในช่วงนี้และในสถานการณ์เช่นนี้ เราเน้นซัพพอร์ตคนไทยเป็นหลัก เพราะเรามองว่าเศรษฐกิจไทยถดถอย เราอยากซัพพอร์ตชาวสวน ชาวไร่ ถ้ามีวัตถุดิบในไทย เราซัพพอร์ตคนไทยทั้งหมด เราจะช่วยอุดหนุนบริษัทที่อยู่ในไทยทุกอย่าง ซึ่งเป็นจุดเน้นย้ำสำคัญที่คุณแม่สนับสนุนตลอดมา รวมถึง คนงานจะเป็นคนไทย 100% เช่นกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือท้องถิ่น 100% โดยเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของเรามาโดยตลอด เพื่อให้ทุกคนเติบโตและมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน” คุณวัชรลักขณ์ กล่าว

          นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมในหลายด้านๆ เพื่อรองรับเทรนด์ธุรกิจของโลก โดยมีการปรับทิศทางการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง Carbon Free หรือ การใช้โซล่าร์ เซลล์ในโปรเจคแรกของโรงงาน โดยสูงสุดตามที่กฎหมายระบุไว้ ขณะเดียวกัน หากมีส่วนใดที่สามารถปรับลดได้ บริษัทจะเร่งดำเนินการเช่นกัน ทั้งในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต และอื่นๆ พร้อมกันนี้ จะยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน อย่างเช่น แพคเก็จจิ้งของกะทิผง แบรนด์ “ชาวไทย” ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบมาก โดยในปัจจุบันยังคงรูปแบบเดิมเช่นเดียวกับ 37 ปีที่ผ่านมา

www.kornthai.com 

 

Page Visitor

013009604
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
3259
14397
110139
312118
505277
13009604
Your IP: 18.119.132.80
2024-12-22 05:31
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.