May 03, 2024

ลลิลตั้งเป้ายอดขาย 5,300 ลบ. มั่นใจผลงานเข้าเป้า

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

ลลิลตั้งเป้ายอดขาย 5,300 ลบ. มั่นใจผลงานเข้าเป้า

ลลิลประกาศโกยยอดขายปีนี้ 5,300 ลบ. บวกรายได้รวม 4,650 ลบ. มั่นใจผลงานเข้าเป้า ด้วย Backlog จำนวน 1,200 ลบ. ที่ทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง พร้อมอัพเดทโปรเจคคุณภาพ ลลิล ทาวน์ อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ขณะนี้มียอดขายทาวน์โฮมประมาณ 100 หลัง  และบ้านเดี่ยวประมาณ 30 หลัง ลั่น 3 ปีปิดการขาย 100%

คุณชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

คุณชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ "บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี" กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกมียอดขาย อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท เช่นเดียวกับการรับรู้รายได้ในช่วง 9 เดือนของปีนี้  มียอดรับรู้รายได้แล้ว 3,393 ล้านบาท ซึ่งยังคงเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12%

ส่วนตัวเลขรับรู้รายได้ที่เหลืออีกประมาณ 1,200 ล้านบาท คาดว่าในไตรมาส 4/2562 น่าจะเป็นไปตามการคาดการณ์ เนื่องจาก บริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้หรือ  Backlog ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาทจาก 30 โครงการ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าภาพรวมของทั้งปีนี้จะสามารถทำผลงานขยายตัวได้ดีกว่าภาพรวมของตลาดและเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้

ด้านความคืบหน้าของโครงการลลิล ทาวน์ อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ  ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบ “มิกซ์ยูส (Mixed-use)” ประกอบด้วย 2 แบรนด์ ได้แก่ Lio BLISS อ่อนนุช–สุวรรณภูมิ (ทาวน์โฮม) และ Lanceo CRIB อ่อนนุช–สุวรรณภูมิ (บ้านเดี่ยว) มูลค่าโครงการ 960 ล้านบาท โดยบริษัทได้เปิดตัวและเปิดการขายเมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา ปัจจุบัน มียอดขายทาวน์โฮมประมาณ 100 หลัง  และบ้านเดี่ยวประมาณ 30 หลัง พร้อมทั้งตั้งเป้าปิดยอดขาย 100%  ภายในระยะเวลา 3 ปี

สำหรับแนวคิดของโครงการ Lio BLISS อ่อนนุช–สุวรรณภูมิ (ทาวน์โฮม) คือ การเชื่อมต่อทุกรูปแบบการใช้ชีวิต สัมผัสความสุข ชีวิตใกล้เมือง บนทำเลลาดกระบัง-อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ส่วน แนวคิดของ Lanceo CRIB อ่อนนุช–สุวรรณภูมิ (บ้านเดี่ยว) คือ The Endless Exceptional Life ทุกความสุขของชีวิตเริ่มต้นที่การแบ่งปันกับสังคมคุณภาพในลลิล ทาวน์ (Lalin Town)  บ่งบอกชีวิตเหนือระดับด้วยบ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน โดดเด่นด้วยดีไซน์

ทั้งนี้ ลลิล ทาวน์ อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ นับว่าเป็นโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้พักอาศัยได้อย่างลงตัว ด้วยจุดเด่นของโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ มีความสะดวกสบายในการเดินทาง เนื่องจาก เส้นทางบริเวณโดยรอบของโครงการเชื่อมกับมอเตอร์เวย์ และถนนสายสำคัญหลายสาย อีกทั้ง ยังโดดเด่นด้วยราคาที่ลูกค้าสามารถจับจองได้

“โครงการลลิล ทาวน์ เป็นโครงการที่มี 2 แบรนด์อยู่ในโครงการเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ การคมนาคมสะดวกเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง นอกจากนี้ แหล่งงานในโซนสุวรรณภูมิ-ลาดกระบังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มหาวิทยาลัยลาดกระบัง สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการบิน  

ล่าสุด โรบินสัน ลาดกระบัง ได้เปิดตัวไปเมื่อไม่นาน โดยตั้งอยู่หน้าโครงการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้ามากกว่าเดิม อีกทั้ง ในโซนวัดศรีวารียังมีช้อปปิ้งมอลล์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้งคอมมิวนิตี้มอลล์ และคิง เพาเวอร์ เมื่อเราทำโครงการนี้ เราจะดูความจำเป็นต่างๆ ทั้งเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่รักษาพยาบาล หรือการเดินทางไปทำงานเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยให้ได้มากที่สุด” คุณชูรัชฏ์กล่าว

ส่วนจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อบ้านของลลิล โดยหลักๆ จะมาจากความคุ้มค่าของสินค้าที่ไม่ใช่แค่เฉพาะตัวบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทีมอบให้ค่อนข้างครบในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งบริษัทจะมีการคำนึงถึงความเป็นอยู่ของลูกค้าตั้งแต่วันที่เข้ามาเป็นลูกบ้าน รวมไปถึงหลังการขายว่าจะสามารถดูแลอย่างไรให้มีความสุข นอกจากนี้ ราคาสินค้ายังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีศักยภาพอีกด้วย

ด้านแนวทางการทำการตลาด ปัจจุบันจะเน้นสื่อดิจิทัลเป็นหลัก จากเดิมที่จะมีการทำการตลาดผ่านสื่อสิ่งพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ เพราะดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่วนงบมาร์เก็ตติ้งโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณกว่า 100 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 2.5-3% ของเป้ารายได้รวม

คุณชูรัชฏ์ กล่าวต่อถึง มาตรการของภาครัฐ “บ้านดีมีดาวน์” โดยการสนับสนุนเงินดาวน์ (Cash Back) 50,000 บาทให้แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ว่า นับเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก เช่น วัสดุก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ หากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ จะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มเป็นจำนวนมากตามไปด้วยเช่นกัน

ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 คาดว่าจะยังทรงๆ ตัวและไม่แตกต่างจากปี 2562 เพราะมีปัจจัยภายนอกเข้ามารุมเร้า เช่น สงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทย ซึ่งมีสัดส่วน 65-70% ของ GDP ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าดรอปไม่มากเพียงแต่ไม่ก้าวกระโดดแบบทุกปี เพราะฉะนั้นจึงต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ส่วนปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาทิ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และมาตรการช่วยลดค่าจดจำนองและค่าโอนเหลือ 0.01% ซึ่งมีผลบังคับใช้จนถึง 24 ธันวาคม 2563 เป็นต้น

Page Visitor

010671767
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
8677
5367
34465
18483
147900
10671767
Your IP: 18.191.236.174
2024-05-03 15:58
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.