ลัคกี้เฟลมรับอานิสงค์โควิด-19 คนอยู่บ้านทำอาหารกันมากขึ้น ปักธงปี 63 โกยรายได้ 850 ลบ.
ลัคกี้เฟลมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 850 ลบ. มั่นใจตัวเลขเข้าเป้า โดยผลงานครึ่งปีแรกยอดเยี่ยม เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว พร้อมเผยแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าครัวเรือนสู่ตลาด บวกปรับโฉมภาพลักษณ์องค์กรให้มีความทันสมัย เน้นช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ชี้ครึ่งปีแรกรับอานิสงส์ไวรัสโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์หนุนยอดขายพุ่ง ประกาศปี 64 เดินหน้าบุกตลาดแมสอย่างเต็มตัว
คุณเชาว์เลิศ ลีลาศวัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลัคกี้เฟลม จำกัด
คุณเชาว์เลิศ ลีลาศวัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลัคกี้เฟลม จำกัด กล่าวว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าผลประกอบการให้เทียบเท่ากับปี 2561 ที่มีรายได้รวมกว่า 800 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำได้ตามเป้าดังกล่าวประมาณ 50% แล้ว และนับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีมั่นใจว่าตัวเลขจะไม่คลาดเคลื่อนจากที่คาดการณ์ไว้ สำหรับสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากผลิตภัณฑ์เตาแก๊ส 80% และอื่นๆ 20%
“ในปี 2561 ที่ผ่านมา เรามีผลประกอบการกว่า 800 ล้านบาท ส่วนในปี 2562 เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มมีการชะลอตัวจึงทำให้ตัวเลขลดลงมาเหลือที่ประมาณ 780 ล้านบาท ดังนั้นในปีนี้ เราพยายามทำให้ตัวเลขกลับขึ้นไปมากกว่าปี 2561 หรือประมาณ 850 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรก ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เดินมาได้ครึ่งทาง หรือ 50% แล้ว ดังนั้น เป้าหมายทั้งปีน่าจะเป็นไปตามที่คาดหวังไว้” คุณเชาว์เลิศกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2563 บริษัทได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ล่าสุดสุด คือ หม้อหุงข้าวดิจิทัล รูปแบบทันสมัย คุณภาพดีและราคาเหมาะสมใกล้เคียงกับแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งได้มีการเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2563 จับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับกลางถึงบนที่มีกำลังซื้อ
รวมถึงผลิตภัณฑ์ซิงค์ หรือ อ่างล้างจาน ซึ่งถือเป็นโปรดักส์ที่เข้ามาช่วยเสริมพอร์ตธุรกิจ เนื่องด้วยเครื่องจักร เทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่บริษัทมีสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์ซิงค์จากเดิมบริษัทได้วางจำหน่ายอยู่แล้วในโมเดิร์นเทรด แต่จากนี้ไปจะวางจำหน่ายในตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาในส่วนของการตลาด ด้วยการปรับภาพลักษณ์ หรือ รูปแบบการโฆษณาใหม่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น จึงมีการรับทีมงานฝ่ายกราฟฟิกเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้รูปแบบของการสื่อสาร และงานอาร์ตเวิร์คที่สื่อออกไปมีความหลากหลาย และทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพราะจากเดิมผู้บริโภคค่อนข้างคุ้นชินกับภาพลักษณ์ของลัคกี้เฟลม ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน ดังนั้น จึงมีแนวคิดจะทำอย่างไรให้ภาพลักษณ์ขององค์กรดูมีความทันสมัยไม่ได้เก่าตามอายุ โดยลูกค้าสามารถดูความเปลี่ยนแปลงได้จากช่องทางออนไลน์ อาทิ เพจเฟสบุ๊กของลัคกี้เฟลม เป็นต้น
“ที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กระแสออนไลน์กำลังมาแรง จึงต้องทำการปรับเปลี่ยนแบบจริงจังให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อไปในอนาคต พร้อมทั้ง ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ออกมาจะทำให้เป็นที่ยอมรับได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาด คือ จะทำอย่างไรให้คนซื้อ เพราะฉะนั้นทั้งความคุ้มค่า และรูปลักษณ์ที่สวยงาม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น” คุณเชาว์เลิศกล่าว
ขณะที่ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ สู่ตลาดด้วยเช่นกัน อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน และเตาอบ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหม้อทอดไร้น้ำมัน เนื่องจากบริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ตรงกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจำหน่ายหมดภายใน 5 วัน อีกทั้ง ยังได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีหลังจากมีการใช้งานจริง
“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราจึงต้องปรับแผนการดำเนินงานใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วงแรกๆ ยังมองตลาดไม่ออก แต่ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ผลิตภัณฑ์ของเรากลับสวนกระแสและจำหน่ายได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มครัวเรือน โดยสาเหตุอาจจะมาจากคนเริ่มอยู่บ้าน และทำอาหารกินเองมากขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้ง ปรับการใช้ชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมของทุกปีจะเป็นช่วง Low Season ของเรา แต่ภายหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เติบโตขึ้น หากเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดือนเดียวกัน เติบโตเพิ่มประมาณ 20-30% อีกทั้ง ยังถือเป็นอานิสงค์จากการที่รัฐบาลแจกเงินเยียวยาประชาชน อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถยึดถืออะไรได้ เนื่องจากเป็นแค่สถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งมองว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นของจริงที่ต้องเตรียมรับมือ” คุณเชาว์เลิศกล่าว
นอกจากนี้ ในปี 2563 ยังถือเป็นโอกาสดีของบริษัทในการลงทุนหลายด้าน ทั้งเครื่องจักรออโตเมชัน ทั้งการซื้อเครื่องจักรใหม่ และเตรียมการสำหรับการลงระบบโรบอตใหม่ เนื่องจาก ในปีนี้การลงทุนเครื่องจักรใหม่ ภาครัฐจะช่วยในเรื่องของการช่วยลดหย่อนภาษี ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับบริษัทใดที่ไม่มีปัญหาด้านการเงิน จึงอยากแนะนำให้ดำเนินการลงทุนในด้านนี้
คุณเชาว์เลิศ กล่าวต่อถึงภาพรวมธุรกิจในปี 2564 ว่า จะเป็นปีที่เหนื่อยสำหรับผู้ประกอบการทุกราย ซึ่งอาจจะมากกว่าปี 2563 เนื่องจากในปีนี้ผลกระทบจากระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในเฉพาะบางกลุ่มธุรกิจ อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร หรือการท่องเที่ยว เป็นต้น แต่สำหรับปีหน้าผลกระทบจะขยายเป็นวงกว้าง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดน้อยลง ซึ่งหมายความว่าทุกกลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าด้วยเช่นกัน
สำหรับในส่วนของบริษัทได้ปรับแผนเตรียมรับมือ โดยมุ่งเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหัวเตาแก๊สที่มีราคาไม่แพง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดแมส รวมทั้ง ให้มีศักยภาพในการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศจีนได้ โดยราคาขายปลีกเบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวภายในต้นปี 2564 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายในปี 2564 ให้ใกล้เคียงกับปี 2563
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดกลาง-บน บริษัทจะยังคงไว้เช่นเดิม เพราะเป้าหมายเริ่มแรกของลัคกี้เฟลม คือ มุ่งเน้นการทำตลาดกลาง-บน และจะเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ที่มี Value added เช่น ผลิตภัณฑ์เตาแก๊สสำหรับผู้สูงอายุที่มีระบบdouble safety ตัดแก๊สทันทีเมื่อภาชนะไหม้ หรือลมพัดไฟดับ เป็นต้น รวมทั้งมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดกลาง-บน พวกผลิตภัณฑ์บิวท์อินเช่นเตาฝัง เครื่องดูดควัน เตาอบแบบฝัง ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
“การวางตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มแมส เรามองว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเรามีช่องทางการทำตลาดทุกช่องทางอยู่แล้ว อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์ยังสามารถดึงดูดลูกค้าได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องของราคา ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มตลาดแมสถือว่าเข้ามาเติมเต็มการทำตลาดของเรา เพราะจากเดิมเรามีแค่ตลาดกลางเพียงอย่างเดียว แต่ในช่วง 10 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ได้เริ่มหันมาทำตลาดกลาง-บน และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็น Built-in Products เพื่อให้ครบไลน์ของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในครัวทั้งหมด” คุณเชาว์เลิศกล่าว
คุณเชาว์เลิศ กล่าวต่อว่า บริษัทมีการดำเนินงานที่มุ่งเน้นด้านคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจิตวิญญาณขององค์กร เนื่องจากดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแก๊ส เตาแก๊ส และอุปกรณ์แก๊ส ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาจึงต้องมีคุณภาพที่ดี และไม่มีปัญหา ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาอาจจะส่งผลให้เป็นอันตรายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภค โดยปกติบริษัทจะเน้นย้ำกับพนักงานเสมอว่า ในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อวางจำหน่ายให้คิดเสมือนว่าคนที่ใช้ คือ คนใกล้ชิด รวมถึงคนในครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นจึงต้องผลิตออกมาให้มีคุณภาพดีที่สุด
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะวางจำหน่ายภายในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% โดยส่งออกไปยัง 30 ประเทศทั่วโลก แต่หลักๆ ยังคงเป็นในกลุ่มประเทศ CLMV เพราะลักษณะการประกอบอาหารจะคล้ายกับประเทศไทย สำหรับในประเทศไทยมีครัวเรือนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทกว่า 50% เพราะบริษัทมุ่งเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพและมีความคงทนกว่า 10 ปี ถึงแม้ว่าราคาอาจจะแพงกว่าผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน แต่ถือว่าคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับระยะเวลาในการใช้งาน
คุณเชาว์เลิศ กล่าวในตอนท้ายว่า นอกเหนือจากการดำเนินงานที่มุ่งเน้นด้านคุณภาพแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรด้วยเช่นกัน โดยในปี 2563 ซึ่งมีปัญหาของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้น จึงเน้นเรื่องจิตสำนึกเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากตลาดในปัจจุบันอยู่ในภาวะชลอตัว เพราะฉะนั้น บุคลากรทุกคนควรอยู่อย่างพอเพียง สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ และดูแลสุขภาพให้ดี โดยบริษัทได้ดำเนินโครงการร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมในเรื่องการออกกำลังกาย ซึ่งกิจกรรมนี้ บริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ จะยังคงเน้นหนักในเรื่องการใช้จ่ายอย่างพอเพียง และเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทาง สสส. และภาครัฐ ที่มีโครงการดีๆ สนับสนุนผู้ประกอบการมาโดยตลอด