FTE โกยงานรัฐ-เอกชนเพิ่มครึ่งปีหลัง 65 ตั้งเป้าเพิ่มมาร์จิ้น รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 1
FTE เผยภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 65 เติบโตดี ชูกลยุทธ์ลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย บุกโรงงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ รับรู้รายได้เร็ว พร้อมประมูลงานภาครัฐ-เอกชนเพิ่ม โชว์ Backlog 560 ล้านบาท มุ่งเน้นรักษาการเติบโตของรายได้ เร่งความสามารถการทำกำไรครองมาเก็ตแชร์อันดับ 1
นายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการส่งมอบงานและรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งเน้นความสามารถทำกำไร ลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2565 บริษัทยังคงมุ่งเน้นงานออกแบบติดตั้งอุปกรณ์ระบบดับเพลิงภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์คอมพิวเตอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นงานที่มีระยะสั้นสามารถส่งมอบงานรับรู้รายได้รวดเร็ว อีกทั้ง มีทีมขายติดต่อตรงเจ้าของโครงการมากขึ้น เพื่อให้ข้อมูลมาตรฐานและคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึงเข้าใจถึงความจำเป็นในการติดตั้งระบบดับเพลิง
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเสนองานอย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐและเอกชน มุ่งเน้นกระจายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลาย รักษา Backlog ที่ระดับ 560 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 410 ล้านบาท และในปี 2566 150 ล้านบาท อีกทั้ง มีแผนเพิ่มสินค้าใหม่ สามารถครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาการเติบโตของรายได้ และความสามารถการทำกำไรได้ดีกว่าเดิม รวมถึงรักษามาเก็ตแชร์อันดับ 1
“สำหรับภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรก คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อย ปัจจัยจากเงินบาทอ่อนค่า ภาวะเงินเฟ้อ และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงได้ตามแผน พร้อมรับรู้รายได้สม่ำเสมอ ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ดี
นอกจากนี้ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เกิดเหตุอัคคีภัยบ่อยครั้ง ผู้ประกอบการภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ ตระหนักถึงความปลอดภัย มีการเพิ่มมาตรการการป้องกันอัคคีภัยและเลือกใช้ระบบดับเพลิงที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้อุปกรณ์และระบบป้องกันอัคคีภัยมีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่ง FTE มีจุดแข็งในการเป็นผู้นำตลาด รวมถึงให้ความสำคัญต่อความถูกต้องตามหลักวิศวกรรม และมาตรฐานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัท” นายทักษิณ กล่าว