PIN เดินหน้าเร่งโอนที่ดินในนิคมฯ เพิ่ม รับจังหวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังขยายตัว ชี้บาทอ่อนหนุนต่างชาติเข้าลงทุน มั่นใจปีนี้เติบโตตามแผน
บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังขยายตัวเด่นกว่าครึ่งปีแรก ชี้เงินบาทอ่อนเพิ่มโอกาสดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งออก หนุนการขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม PIN 6 มีสัญญาณการเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าเร่งโอนที่ดินให้ลูกค้าดันผลงานเติบโตตามแผน
นายสุรัช พัฒนวงศ์ยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า จากการประเมินบรรยากาศการลงทุนของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มอุตสาหกรรมภาคบริการ ด้านธุกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ภายหลังภาครัฐการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุนของนักลงทุนไทยและต่างชาติที่ลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงยังเป็นการสร้างแรงจูงใจและเอื้อต่อการดึงดูดเม็ดเงินนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อส่งออกมากเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าว จะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของ PIN ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะเพิ่มโอกาสการขายที่ดินในโครงการนิคมอุตสาหกรรม PIN6 ที่มีพื้นที่รวม 1,400 ไร่ และโครงการนิคมอุตสาหกรรม PIN 4 และ 5 ที่เหลือพื้นที่เหลือไม่มากนัก ซึ่งทั้ง 3 โครงการล้วนตั้งอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์การลงทุนของประเทศที่ภาครัฐต้องการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตเพิ่มเติม โดยปัจจุบัน มีนักลงทุนต่างชาติจากจีน ไต้หวันและเกาหลี ให้ความสนใจเข้ามาติดต่อเจรจาซื้อที่ดิน และคาดว่าจะเริ่มโอนที่ดินได้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ เป็นผลให้เป้าหมายการขายที่ดินในโครงการนิคมอุตสาหกรรมของ PIN จะทำได้ตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ ที่จัดสรรพื้นที่สร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า เป็นเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตอุตสาหกรรมทั่วไป (General Zone) กว่า 200,000 ตารางเมตร ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นกัน เนื่องจากมีจุดเด่นด้านที่ตั้งโครงการที่ติดกับถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 และอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังเพียง 10 กิโลเมตร ทำให้นักลงทุนต่างชาติหลายรายให้ความสนใจ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงการพัฒนาโครงการก็ตาม
“ภาพรวมปีนี้ เรามั่นใจว่าผลงานของ PIN จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังบรรยากาศการลงทุนมีความคึกคัก จากนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจเข้ามาดูพื้นที่และเจรจาซื้อที่ดินเพื่อตั้งโรงงานเป็นฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรม PIN โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนที่ดินแก่ลูกค้าในช่วงครึ่งปีหลังและทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” นายสุรัช กล่าว