December 23, 2024
01Top_Nine-Plus

กรีน เยลโล่ และเนสท์เล่ (ไทย) เดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

กรีน เยลโล่ และเนสท์เล่ (ไทย) เดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืน เปิดตัวโครงการโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดของเนสท์เล่ในไทย

มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 2,000 ตันต่อปี

          จากซ้าย : กรีน เยลโล่: นายสเตฟาน ดูเฟรน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์และพันธมิตร, ประเทศไทย, นายแฟรงค์ คลุค, ซีอีโอ, ประเทศไทยและเอเชีย, เนสท์เล่: นายพอล ฟิทซ์เจอรัล หัวหน้าส่วนงานระดับโลกด้าน Commodities – SCM เนสท์เล่, นายฟิลิปป์ เกลาเซอร์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายเทคนิคและอุตสาหกรรมการผลิต เนสท์เล่ อินโดไชน่า, นางสาวเจนิกา คอนเด ครูซ ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรมองค์กรและความยั่งยืน, นางสาวอรวรรณ สาธิตศานนท์ หัวหน้าแผนกจัดซื้อ และนายทวีศักดิ์ รุจิรพิสิฐ ผู้จัดการโรงงานน้ำดื่มอยุธยา บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

          กรีน เยลโล่ ผู้ลงทุนและดำเนินงานระดับโลกด้านการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จัดพิธีเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PPA) กับ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เพื่อลงทุน ติดตั้ง และดูแลระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 3.2 MWp ที่โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งโครงการดังกล่าวนับเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงานทุกแห่งของเนสท์เล่ ในประเทศไทย ความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนของเนสท์เล่ ผ่านความร่วมมือกับ กรีน เยลโล่ ในการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตของบริษัท 

          พิธีเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นี้ถือเป็นก้าวแรกของการเดินหน้าโครงการนวัตกรรมด้านพลังงานที่ล้ำสมัย โดยจะเป็นการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ทั้งแบบบนพื้นดินและบนอาคารจอดรถ ที่โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการติดตั้งและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบัน

          ด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาด 3.2 MWp โครงการโซลาร์เซลล์นี้จะสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ถึง 4.5 GWh ต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 2,000 ตันต่อปีตลอดระยะเวลา 20 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของ กรีน เยลโล่ และเนสท์เล่ ในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีพ.ศ. 2593

          "เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับเนสท์เล่ (ไทย) ในการเดินหน้าโครงการโซลาร์เซลล์ที่ล้ำสมัยนี้" คุณ แฟรงค์ คลุค ซีอีโอของ กรีน เยลโล่ ในประเทศไทยและเอเชีย กล่าว "ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีในการส่งเสริมด้านความยั่งยืนในภูมิภาคนี้ และในฐานะผู้นำโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด กรีน เยลโล่ มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของเรา"

          “ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่” คุณ ฟิลิปป์ เกลาเซอร์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายเทคนิคและอุตสาหกรรมการผลิต เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าว “ที่เนสท์เล่ เรามีความมุ่งมั่นที่จะใช้พลังงานทดแทน 100% ในโรงงานผลิตของเราทุกแห่งภายในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำดื่มของเรา ร่วมกับ กรีน เยลโล่ ในครั้งนี้ จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรม นอกจากการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนแล้ว เนสท์เล่ยังได้ดำเนินโครงการประหยัดพลังงานอื่น ๆ อีกหลากหลายโครงการ ซึ่งรวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่มีอยู่ และการออกแบบกระบวนการผลิตเพื่อให้ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น”

          ในฐานะพันธมิตรด้านพลังงานของเนสท์เล่ กรีน เยลโล่ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบโซลูชันที่ทันสมัยเพื่อช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพด้านพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของเนสท์เล่ และโครงการนี้ยังแสดงให้เห็นถึงประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างสององค์กรต่อการส่งเสริมด้านการใช้พลังงานทดแทนและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

          ธุรกิจของ กรีน เยลโล่ คือการให้บริการโซลูชันด้านพลังงานอย่างครบวงจร นับตั้งแต่การลงทุนและการออกแบบ ไปจนถึงการขอใบอนุญาต การติดตั้ง การดำเนินงาน การตรวจสอบ และการบำรุงรักษา ผ่านโซลูชัน Solar PPA (Power Purchase Agreement) ที่ได้มีการออกแบบบริการโซลูชันให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไปโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม นอกจากนี้ เป้าหมายของ กรีน เยลโล่ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายของรัฐบาลไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีพ.ศ. 2608  อีกด้วย

Page Visitor

013039579
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
18457
14777
33234
342093
505277
13039579
Your IP: 18.116.24.238
2024-12-23 19:33
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.