November 20, 2024

ยิบอินซอย ผนึกพันธมิตรไอทีชั้นนำจัดงานใหญ่ ‘Cybersecurity Assemble’

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

ยิบอินซอย ประกาศทิศทางธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ผนึกพันธมิตรไอทีชั้นนำจัดงานใหญ่ ‘Cybersecurity Assemble’

          บริษัท ยิบอินซอย จำกัด เปิดตัวทิศทางธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ โดยจัดตั้งทีมเน็ตเวิร์คและไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เพื่อรุกตลาดในภาคการเงิน การธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน สุขภาพ การศึกษา รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชนทุกขนาด ผนึกพันธมิตรไอทีชั้นนำระดับโลกกว่า 20 ราย จัดงานสัมมนาใหญ่ ‘Cybersecurity Assemble: Bridging the Cyber Divide’ สำหรับผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

          นายสุภัค ลายเลิศ กรรมการอำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจ โดยจัดตั้งทีมเน็ตเวิร์คและไซเบอร์ซีเคียวริตี้ (Network and Cybersecurity – NCS) ร่วมกับพันธมิตรด้านซีเคียวริตี้ชั้นนำระดับโลก พร้อมคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้เข้ามารองรับการเติบโตของตลาดและความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้น

          ยิบอินซอยเป็น Systems Integrator ชั้นนำของไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ทศวรรษในการดูแลรักษาปกป้องระบบไอทีสำหรับองค์กร ตั้งแต่ออกแบบ วางระบบ และปรับแต่งระบบเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า ไปจนถึงการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบอินฟราสตรัคเจอร์ ระบบเครือข่าย การสื่อสาร คลาวด์ แอปพลิเคชัน ดาต้า และอุปกรณ์เชื่อมต่อ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรมากมายและความรู้ความสามารถจากเหล่าวิศวกรด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้

          นายสุภัค ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนเทคโนโลยีไซเบอร์ซีเคียวริตี้มีความจำเป็นมากขึ้นในทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ในด้านการเงินการธนาคารที่ทันสมัย อุตสาหกรรมที่ใช้หุ่นยนต์และเอไอ การแพทย์ที่รวดเร็วและแม่นยำ การศึกษาที่เข้าสู่ยุคดิจิทัล และงานวิจัยพัฒนาที่สร้างนวัตกรรมได้รวดเร็วขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ธุรกรรมดิจิทัลต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะกลาง รวมถึงต้องเพิ่มความพร้อมด้านความปลอดภัยและดำเนินงานอย่างรัดกุมตามมาตรฐานใหม่ๆ ของแต่ละอุตสาหกรรม

โดยมีมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติตาม ได้แก่:

  • มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระบบคลาวด์ พ.ศ. 2567 โดยคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ [อ่านเพิ่มเติม](https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/pdf)
  • มาตรฐาน Information Security Management System (ISMS) เช่น ISO/IEC 27001 [อ่านเพิ่มเติม](https://www.iso.org/isoiec-27001-information-security.html) ซึ่งครอบคลุมด้านความมั่นคงของข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ (PII) โดยมีการปรับปรุงล่าสุดเมื่อปี 2022
  • มาตรฐานด้าน Operational Technology Security (OT Security) เช่น IEC 62443, NIST SP 800-82, NERC CIP, ISA/IEC 99 (ISA-99) เป็นต้น

 

การใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Generative AI ทำให้หลายภาคส่วนต้องหาแนวทางในการควบคุมและลดความเสี่ยงในการใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ เช่น:

  • กรอบการจัดการความเสี่ยงด้านปัญญาประดิษฐ์: โปรไฟล์ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative Artificial Intelligence Profile) โดย NIST ช่วยให้องค์กรสามารถระบุความเสี่ยงเฉพาะและจัดการความเสี่ยงตามเป้าหมายองค์กร [อ่านเพิ่มเติม](https://www.nist.gov/itl/ai-risk-management-framework)
  • พระราชบัญญัติ AI ของสหภาพยุโรป (EU AI Act): ประกาศใช้อย่างเป็นทางการและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2024 เพื่อกำหนดกรอบการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ในสหภาพยุโรป มุ่งเน้นที่การพัฒนาและการใช้งาน AI อย่างรับผิดชอบ [อ่านเพิ่มเติม](https://artificialintelligenceact.eu/)
  • มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและยานพาหนะที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: เช่น ISO/SAE 21434:2021 ซึ่งระบุถึงข้อกำหนดทางวิศวกรรมในการจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของยานพาหนะ [อ่านเพิ่มเติม](https://www.iso.org/standard/html)

นอกจากนี้นายสุภัค ยังกล่าวเน้นถึงองค์ประกอบสำคัญของไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซึ่งประกอบด้วย คน กระบวนการ และเทคโนโลยี โดยแต่ละองค์ประกอบมีบทบาทสำคัญในการสร้างความปลอดภัยที่ยั่งยืนและลดความเสี่ยงให้กับธุรกิจ ดังนี้:

  • คน (People)

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดของระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้คือบุคลากร ซึ่งต้องมีความรู้ความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามและการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางไซเบอร์ สถาบันหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตบุคลากรด้านนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบุคลากรที่มีทักษะทางไซเบอร์ซีเคียวริตี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้จำเป็นต้องมีการลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงานที่มีอยู่ รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้กับเยาวชนให้สนใจในสายงานนี้มากขึ้น การมีบุคลากรที่พร้อมจะป้องกันและตอบสนองได้ทันท่วงทีจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี 

  • กระบวนการ (Process)

กระบวนการด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการออกแบบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในปัจจุบันต้องไม่จำกัดเพียงแค่ภายในองค์กรเท่านั้น แต่ยังต้องเชื่อมโยงและประสานงานกับคู่ค้า ลูกค้า และผู้ขายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการป้องกันที่ครอบคลุมทุกส่วน การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงเป็นประจำ การฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการกำหนดนโยบายและขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องมีเพื่อให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ 

  • เทคโนโลยี (Technology)

เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ จากเดิมที่เคยใช้เทคโนโลยีในระบบปิดที่เน้นการป้องกันจากภายในองค์กร มาสู่ยุคที่ระบบต้องเชื่อมโยงกันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ซับซ้อนและเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้จึงต้องถูกพัฒนาเพื่อให้ตอบสนองกับภัยคุกคามที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงแต่ต้องเน้นไปที่การป้องกันการโจมตี (เช่น ระบบป้องกันมัลแวร์และไฟร์วอลล์) แต่ยังต้องรวมถึงการตรวจจับ การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และการฟื้นฟูสภาพหลังการโจมตีด้วย และเทคโนโลยีในปัจจุบันเช่น การเข้ารหัสข้อมูล การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดปกติ การนำระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาใช้เพื่อวิเคราะห์และทำนายความเสี่ยง รวมถึงการใช้ระบบคลาวด์ที่ต้องมีการจัดการความปลอดภัยที่เข้มงวดล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมและการใช้งานระบบต่างๆ  

          การผสมผสานระหว่างคน กระบวนการ และเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ได้อย่างครบวงจรและยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงจริยธรรมในการใช้งานและการให้บริการ การสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ และการใช้พลังงานสะอาด โดยการออกแบบด้านความปลอดภัย (Security by Design) ควบคู่กับแผนธุรกิจ

          สำหรับการจัดงาน ‘Cybersecurity Assemble: Bridging the Cyber Divide’ ยิบอินซอยได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ชั้นนำระดับโลก เพื่อแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวอย่างทันทีเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น งานนี้นำเสนอความก้าวหน้าด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาความท้าทายที่เกิดขึ้นในภูมิทัศน์ไซเบอร์ปัจจุบัน ตั้งแต่กฎระเบียบและการบริหารความเสี่ยงไปจนถึงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านเอไอ โดยมอบมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์ การรวมตัวครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมชั้นนำ เพื่อให้ธุรกิจมีเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นในการเติบโตในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของธุรกิจและการก้าวนำหน้าในเส้นทางนี้

          นอกจากนี้ภายในงานสัมมนาฯ ยังได้รับเกียรติจากพลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)  และ กูรูทางด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ และอาจารย์ปริญญา หอมเอนก เข้าร่วมเป็นวิทยากร ในครั้งนี้

Page Visitor

012487843
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
5516
20637
49136
295634
432245
12487843
Your IP: 3.137.178.81
2024-11-20 06:30
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.