ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ประกาศแผนปี 65 มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจรายใหญ่ของประเทศไทย เผยปี 2564 ผลการดำเนินงานยังน่าพอใจ แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก พร้อมชูแผนปี 2565 เน้นการลงทุนควบคู่การพัฒนาเทคโนโลยี มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เสริมการเติบโตในอนาคต
คุณบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM กล่าวว่า ในปี 2564 ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นค่อนข้างลำบากต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น หรือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้กำลังซื้อและความต้องการบริโภคสัตว์น้ำจำพวกปลาหรือกุ้งลดลง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถทำกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยการดำเนินงานต่อไปในปี 2565 บริษัทจะพยายามบริหารจัดการในด้านต่างๆ ควบคู่กันไป ทั้งด้านการลงทุน และการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายความสำเร็จที่เราตั้งไว้
ในด้านการผลิต บริษัทจะมุ่งเน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในแง่ของปริมาณที่ผลิตต่อชั่วโมง และ Overhead รวมถึงการทำ R&D ในด้านการพัฒนาศูนย์อาหาร วัตถุดิบทางเลือกที่สามารถช่วยลดต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพหรือดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนด้านการตลาดบริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องของการช่วยเหลือลูกค้าหรือเกษตรกรให้เลี้ยงน้ำทุกชนิดด้วยต้นทุนที่ต่ำ และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งเมื่อการบริโภคสัตว์น้ำมีความต้องการมากขึ้น ก็จะส่งผลต่อธุรกิจอาหารสัตว์ของเราด้วย
สำหรับเป้าหมายการเติบโต คุณบรรลือศักร กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10% จากปี 2564 ซึ่งด้วยศักยภาพบริษัท ทีมงาน และโครงสร้างของตัวแทนจำหน่าย เราคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ ปัจจุบันส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในส่วนของอาหารกุ้งอยู่ที่ 18% และอาหารปลาอยู่ที่ 13% โดยในอนาคตบริษัทยังมีโอกาสที่จะเติบโต ด้วยปัจจัยจากการช่วยเหลือตัวแทนจำหน่าย ลูกค้า เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำให้ดีและมีคุณภาพมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทพยายามเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย ซึ่งจากเดิมสัดส่วนการส่งออกมีเพียงแค่ 3% เท่านั้น โดยบริษัทได้มองหาประเทศที่เหมาะสมแก่การลงทุน อย่างเช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่เราได้เข้าไปสร้างโรงงานเพื่อผลิตอาหารกุ้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และสามารถเลี้ยงสัตว์น้ำได้ดี ซึ่งในส่วนของโรงงานคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ปลายปี 2564 นี้
“เราเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ในเรื่องอาหารการกิน เพราะยังไงคนต้องกินต้องบริโภค เราอยู่ในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำเป็นหลัก ผมก็มองว่าบ้านเราเป็นประเทศที่เหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์น้ำ อีกทั้งเรายังมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ หรือในแง่การสนับสนุนจากภาครัฐ อย่างกรมประมงที่ให้การสนับสนุนโรงงานผู้ประกอบการ ประกอบกับชื่อเสียงของไทยในเรื่องการแปรรูปอาหาร ที่เป็นจุดแข็งของบ้านเรา เราก็ต้องเอาจุดแข็งตรงนี้มาใช้ แต่จะทำอย่างไรให้สินค้าเราเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของตลาดทั่วโลก เราก็ต้องหาวิธีเพื่อสร้างการเติบโตต่อไป” คุณบรรลือศักรกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจกว่า 20 ปีของบริษัท สามารถพิสูจน์แล้วว่า ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์เป็นบริษัทหนึ่งที่มีทีมงาน บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม จนเติบโตเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำอันดันต้นๆ ของประเทศ โดยบริษัทจะสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัทคือ “การเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์น้ำที่มีคุณภาพสูงที่สุด เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน” ซึ่งความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ ต้องรวมไปถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงต่อทั่วโลกด้วย