กรมชลประทาน เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี
กรมชลประทานชู “RID TEAM” ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 20 ปี หนุนเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 17.95 ล้านไร่ ปริมาตรเก็บกักน้ำ 13,243 ล้าน ลบ.ม. ภายในปี 2580 ตอกย้ำจุดแข็งองค์กร ทั้งความเชี่ยวชาญ ความรู้ ความเข้าใจของบุคลากรในทุกระดับ บวกการเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ด้านปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ได้รับการจัดสรร ทั้งสิ้น 77,268.4339 ลบ.
คุณประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กรมชลประทานมีแนวทางการขับเคลื่อนงานภายใต้ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี (2561-2580) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเชื่อมโยงแผนระดับต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 17.95 ล้านไร่ ปริมาตรเก็บกักน้ำ 13,243 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2580
โดยการขับเคลื่อนงานในปัจจุบัน ใช้แนวคิดและแนวปฏิบัติ ที่เรียกว่า RID TEAM ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนงานชลประทานไว้ 3 ประเด็น โดยประเด็นละ 4 กลยุทธ์ ดังนี้ ประเด็นที่ 1 องค์กรอัจฉริยะ โดยจะมีการจัดการและบูรณาการระบบฐานข้อมูล ปรับปรุงและพัฒนากระบวนงาน วิจัยและพัฒนานวัตกรรมในการทำงาน สรรหาและพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะสูงขึ้น
ประเด็นที่ 2 ความมั่นคงด้านน้ำ จะพัฒนาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพิ่มประสิทธิภาพของโครงการชลประทาน พัฒนารูปแบบและแนวทางที่เหมาะสมในการรับมือภัยพิบัติด้านน้ำ
ประเด็นที่ 3 เพิ่มคุณค่าการบริการ จะเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน พัฒนาคุณภาพการให้บริการงานหน่วยงาน จัดวางตำแหน่งบุคลากรและจัดทำเส้นทางความก้าวหน้าอย่างเหมาะสม และเสริมสร้างความผาสุกของบุคลากรเพื่อให้มีแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
สำหรับแนวคิด RID TEAM เป็นแนวคิดที่มุ่งมั่นร่วมกันพัฒนากรมชลประทานให้เป็นองค์กรที่ดีไปด้วยกัน ซึ่งได้กำหนดนโยบายการดำเนินงานไว้ 4 ด้าน ได้แก่ 1.นโยบายด้านรัฐ สังคมและสิ่งแวดล้อม จะมุ่งพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายรัฐบาล นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี และแผนแม่บทที่สำคัญของประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและสังคม
2.นโยบายด้านผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จะกำหนดมาตรฐานและพัฒนาการให้บริการบนพื้นฐานของกระบวนการ การมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน 3.นโยบายด้านองค์การ จะยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มีเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวผ่านการวางกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งส่งเสริมการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล สร้างจิตสำนึกให้บุคลากรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
4.นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน มุ่งมั่นพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคล พัฒนาศักยภาพบุคลากรให้เป็น Smart Worker โดยจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงาน พัฒนาระบบและวิธีการทำงาน ตลอดจนจะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของบุคลากร
ปัจจุบัน กรมชลประทานมีหน้าที่หลัก 4 เรื่อง คือ จัดหาน้ำ จัดเก็บน้ำ จัดสรรน้ำ และจัดการน้ำ ดังนั้น ปัจจัยที่จะทำให้กรมชลประทานสามารถดำเนินการตามภารกิจทั้ง 4 ได้ คือความเพียงพอของปริมาณน้ำต้นทุน อย่างไรก็ตาม จากความผันแปรและความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศ ทำให้กรมชลประทานต้องรีบจัดหาและพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำให้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นอนาคตที่จำเป็นจะต้องรีบสร้างและทำให้เกิดโดยเร็ว เพราะจะตอบโจทย์ความมั่นคงด้านน้ำแก่ประเทศไทยในทุกภาคส่วน และเป็นประโยชน์สำหรับลูกหลานในอนาคตจริงๆ
โดยโครงการต่างๆ ที่กรมชลประทานได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาล และมีการผลักดันจากหลายๆ ภาคส่วนให้เกิดขึ้น อาทิ การสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจ EEC, โครงการผันน้ำเข้าสู่เขื่อนภูมิพล หรือแม้กระทั่งโครงการโขง เลย ชี มูล ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยมีน้ำต้นทุนที่สามารถใช้การได้ในแต่ละปีเพิ่มขึ้นรวมแล้วไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังไม่นับถึงโครงการอ่างเก็บน้ำที่เป็นเชิงเดี่ยว ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กอีกหลายๆ โครงการ ดังนั้น ตนจึงมั่นใจว่าหากสามารถขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานที่วางไว้ให้สำเร็จได้ เป้าหมายที่ประเทศไทยจะมีปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้นอีก 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2580 เป็นไปได้อย่างแน่นอน
ด้านปัจจัยที่เป็นจุดแข็งของกรมชลประทาน คือ ความเชี่ยวชาญและความรู้ความเข้าใจของบุคลากรกรมชลประทานทุกระดับในการปฏิบัติงานตามภารกิจ ทั้ง 4 เรื่องที่ตนกล่าวไปแล้ว และมั่นใจว่าไม่มีใครรู้เรื่องการจัดการทรัพยากรน้ำในเชิงมหภาคดีเท่ากับพวกเรา
รวมถึงปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย คือ มีการเตรียมพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ ซึ่งท่านอาจจะเห็นจากสื่อต่างๆ ว่าหากมีสถานการณ์วิกฤตเกิดขึ้นทั้งภัยแล้ง อุทกภัย หรือวัชพืชในลำน้ำ ทีมงานของกรมชลประทานจะเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เพราะตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่า ผู้บริหารทุกคนชอบการจัดทำแผนป้องกันเหตุไม่ใช่แผนเผชิญเหตุ เพราะฉะนั้น การเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“ในช่วงฤดูฝน เราได้จัดเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องจักรเครื่องมือไว้ประจำจุดต่างๆ โดยเฉพาะที่เคยเกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนทุกๆ ปี และสามารถปฏิบัติงานได้โดยทันที การทำงานที่มีความพร้อมด้วยความเชี่ยวชาญแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ประชาชน และผู้รับบริการทุกคนเชื่อมั่นในกรมชลประทานของเรา” คุณประพิศกล่าว