January 10, 2025
enth

กางแผนธุรกิจปี 65 “ศรีราชาคอนสตรัคชั่น”

คุณกฤษฎา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)

User Rating: 2 / 5

Star ActiveStar ActiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

กางแผนธุรกิจปี 65 “ศรีราชาคอนสตรัคชั่น”

ศรีราชาคอนสตรัคชั่นลั่นปี 65 เดินหน้าปั้นงานใหม่ โดยปริมาณงานจะเริ่มพุ่งทะยานตั้งแต่ไตรมาส 3-4 เป็นต้นไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ารวม 12,000 ลบ. พร้อมคาดการณ์รายได้ปีนี้ไม่หวือหวา อยู่ที่ประมาณ 2,000 ลบ. มั่นใจแนวโน้มธุรกิจปรับตัวดีต่อเนื่อง หนุนเป้ารายได้รวม (2566-2568) ไต่ระดับแตะ 3,000 ลบ.ต่อปี

คุณกฤษฎา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA ผู้เชี่ยวชาญด้านงานรับเหมาก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กล่าวว่า ขณะนี้ ปริมาณงานที่บริษัทได้รับดำเนินการในช่วงปี 2563-2564 ใกล้จะแล้วเสร็จเกือบทั้งหมด ขณะที่ งานใหม่อยู่ในระหว่างการเจรจาและยังไม่บรรลุผล เพราะฉะนั้นในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2565 ปริมาณงานที่จะได้รับ Slow Down เล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่ช่วงขาลง แต่จะเป็นช่วงขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง 3-4 ปีข้างหน้า (2565-2568)

โดยปริมาณงานจะเริ่มพุ่งทะยานตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้เป็นต้นไป และในปัจจุบัน บริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,200 ล้านบาท พร้อมทั้ง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับปริมาณงานที่บริษัทมีอยู่เดิมและงานใหม่ที่จะได้รับเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการประมูลงานมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป อาทิ โครงการ T4 และ T5 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มูลค่างาน 1,900 ล้านบาทต่อโครงการ โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าว บริษัทมีความมั่นใจสูงว่าจะได้รับงาน สำหรับโครงการ T4 คาดว่า น่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่ โครงการ T5 คาดว่า น่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566,

โครงการปิโตรเคมีที่มาบตาพุด มูลค่างาน 2,200 ล้านบาท, โครงการผลิตและติดตั้งโมดูลไปยังประเทศเบลเยี่ยม มูลค่างาน 1,000 ล้านบาท, โครงการโรงกลั่นน้ำมันที่ประเทศอิรัก โดยจะผลิตท่อจากประเทศไทยและส่งไปประกอบที่ประเทศอิรัก มูลค่างาน 1,500 ล้านบาท, โครงการที่เกี่ยวข้องกับไทยออยล์ (บริษัทลูก) 8 หน่วยการผลิต มูลค่างาน 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างทันทีหากชนะการประมูล คือ โครงการโมดูล โดยจะผลิตและติดตั้งจากโรงงานของบริษัทและขนส่งไปยังต่างประเทศ มูลค่างาน 250 ล้านบาท เป็นต้น

“นอกจากโครงการที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้น ยังมีโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการที่อยู่ในช่วงการประมูล หากเราได้รับงานทั้งหมด เราจะต้องเลือกรับงานในศักยภาพที่สามารถดำเนินการได้ โดยเฉลี่ยอยูที่ปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท เราจะไม่รับงานสะเปะสะปะ หรือรับงานเกินกำลัง ซึ่งเรามีอำนาจในการต่อรองทางธุรกิจสูง ด้วยประสบการณ์ในงานรับเหมาก่อสร้างงานโลหะ หรือเครื่องกลมากกว่า 30 ปี มีความสามารถในการรับงานที่ใช้ความเชี่ยวชาญสูง สามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา และไม่มีการถูกปรับเนื่องจากส่งมอบงานล่าช้า รวมถึง สถิติการทำงานก่อสร้างที่ปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นชื่อเสียงที่บริษัทสั่งสมมาโดยตลอดในการดำเนินงาน” คุณกฤษฎากล่าว

คุณกฤษฎา กล่าวต่อว่า ลักษณะการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะแตกต่างจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทั่วไป โดยงานที่บริษัทได้รับมาเกือบทุกโครงการจะมีมูลค่างานเพิ่มเติมเสมอมา หรือ 99 ใน 100 โครงการจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% และมากสุด 2-3 เท่าตัว ซึ่งทุกโครงการมีผลกำไรค่อนข้างสูงและไม่มีความเสี่ยงแต่อย่างใด ดังนั้นจึงทำให้บริษัทคาดการณ์รายได้รวมค่อนข้างยาก เพราะตัวเลขไม่คงที่ ยกตัวอย่างเช่น โครงการก่อสร้างโรงงานถลุงแร่ที่ประเทศมาดากัสการ์ ซึ่งนอกจากจะมีรายได้หลักจากการก่อสร้างแล้ว ยังมีรายได้จากการบริการเฉลี่ยปีละประมาณ 200 ล้านบาท หรือโครงการ T3 ที่ปราจีนบุรี ซึ่งเริ่มต้นโครงการอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท แต่จะจบโครงการที่ประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาท เป็นต้น

สำหรับในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมจากการรับเหมาและให้บริการ 2,552 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 341 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการในปี 2565 คาดว่าจะไม่หวือหวาเท่าใด เนื่องจาก เป็นช่วงรอยต่อของงานเก่าและงานใหม่ที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ โดยรายได้รวมเบื้องต้นน่าจะไม่เพิ่มจากปี 2564 หรือตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสมมุติฐานว่างานที่ได้รับจะเข้ามาเร็วหรือช้า และจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ปั้นงานใหม่ บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการตั้งแต่ปี 2566-2568 จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทคาดหวังรายได้รวมเบื้องต้นให้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และมีกำไร 500 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้ ตัวเลขรายได้รวมยังมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท หากได้รับงานที่มีกำไรสูง เนื่องจาก บริษัทต้องการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนสูงสุด รวมทั้ง ปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุด

www.sricha.com

Page Visitor

013388364
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
3578
14634
107560
181817
509061
13388364
Your IP: 3.12.161.30
2025-01-10 05:27
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.