อิตาเลเซียกางแผนการลงทุนปี 65 ทุ่ม 100 ลบ.
อิตาเลเซียทุ่ม 100 ลบ. เดินหน้าเพิ่ม 10 สาขา หนุนตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บวกเสริมศักยภาพคลังสินค้า โดยเป็นพื้นที่ควบคุมอุณหภูมิ 100% จัดเก็บสินค้า 3,000,000 ขวด พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโตเพิ่ม 30% จากปีที่ผ่านมา
คุณจักรกฤต เบเนเดทตี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลเซียเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าสินค้าชั้นนำจากประเทศอิตาลี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการขยายสาขามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมในทุกพื้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยปัจจุบันมีสาขาให้บริการทั้งหมด 22 สาขา สำหรับในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 10 สาขา หรือเพิ่มเป็น 32 สาขา ซึ่งจะใช้งบลงทุนเฉพาะการก่อสร้างรวม 70 ล้านบาท หรือเฉลี่ยสาขาละ 7 ล้านบาท
โดยล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ สาขา 23 ศรีราชา จังหวัดชลบุรี และสาขา 24 จังหวัดนครราชสีมา (โคราช) ส่วนสาขาที่จะขยายเพิ่มเป็นลำดับต่อไป ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการออกแบบ ประกอบด้วย สาขา 25 จังหวัดขอนแก่น สาขา 26 ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ สาขา 27 เซ็นทรัลศาลายา จังหวัดนครปฐม และสาขา 28 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ในปี 2565 บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน มีจำนวน 2 สาขาจากทั้งหมด 22 สาขา โดยที่ผ่านมามีนักลงทุนหลายรายได้ให้ความสนใจ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จึงได้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการเจรจากับนักลงทุนที่มีศักยภาพ และมีความต้องการที่จะเปิดให้บริการแฟรนไชส์ให้ทันภายในปีนี้ ซึ่งจะต้องสรุปรายละเอียดต่างๆ ให้เรียบร้อยภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยในปี 2565 จะมีแฟรนไชส์เพิ่มอีก 1 สาขา และเป้าหมายให้มีแฟรนไชส์เพิ่ม 3-5 สาขาต่อปี
นอกเหนือจากแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องแล้ว ในปีนี้บริษัทยังได้มีการปรับปรุงและขยายคลังสินค้าหลักครั้งใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ บนพื้นที่มากกว่า 3,000 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุน 30 ล้านบาท โดยดำเนินการปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมที่ยังไม่ได้มีการควบคุมอุณหภูมิให้เป็นพื้นที่ควบคุมอุณหภูมิ 100% ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บสินค้าได้ประมาณ 250,000 ลัง หรือ 3,000,000 ขวด ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ น้ำแร่ และน้ำดื่ม
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดพิธีเปิดต่อส่วนขยายคลังสินค้าดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน รถขนส่งสินค้าจะเป็นรถที่มีการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้สินค้าที่จัดส่งให้แก่ลูกค้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด รวมถึง ยังเป็นสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน
คุณจักรกฤต กล่าวต่อว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถปิดยอดขายรวมในระดับเดียวกับปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนในปี 2565 เนื่องด้วยแผนการลงทุนและการขยายสาขาเพิ่ม ทำให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม) บริษัทมีการเติบโตถึง 45% เมื่อเทียบกับช่วงกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ ตลอดทั้งปี บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายรวมจะมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่ม 30% จากปีก่อนหน้านี้
สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตเป็นไปตามการคาดการณ์ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การขยายสาขาให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง 2.การเพิ่มศักยภาพคลังสินค้า ตามที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ และ 3.การเสริมทัพสินค้าใหม่ๆ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำสินค้าในกลุ่ม MASS ที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเหมาะสมกับผู้บริโภคในประเทศ
ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยลง ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากประเทศญี่ปุ่น หรือเกาหลี ราคาต่ำกว่า 100 บาท โดยสินค้าดังกล่าวสามารถนำไปจำหน่ายในเซ่เว่น อีเลฟเว่น ซูเปอร์มาเก็ต และไฮเปอร์มาเก็ตได้ ในกรณีที่บริษัทยังไม่มีสาขาให้บริการ หรือในพื้นทีที่บริษัทยังไม่สามารถเข้าถึงได้ รวมถึง การนำเข้านม Plant Base เพื่อคนรักษ์สุขภาพ อาทิ นมข้าว (rice milk) นมอัลมอนด์ (Almond milk) ขนาดบรรจุ 1 ลิตร และมีราคาต่ำกว่า 100 บาท เป็นต้น
“เราค่อนข้างมั่นใจว่าเป้าอัตราการเจริญเติบโตเพิ่ม 30% จากปีที่ผ่านมา เราสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบด้วย เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งอาจมีสายพันธุ์ใหม่เข้ามา เป็นต้น ซึ่งเราได้เตรียมรองรับไว้ทั้ง 2 สถานการณ์ ในกรณีที่แย่สุด เราจะพยามยามทำให้ตัวเลขใกล้เคียงกับที่ประมาณการณ์ไว้ ในทางกลับกัน หากสถานการณ์ดีพร้อม เราจะเดินหน้าตามแผนการลงทุนและขยายสาขาที่วางไว้” คุณจักกฤตกล่าว
