December 22, 2024
01Top_Nine-Plus

Biz Focus Industry Issue 138, July 2024

User Rating: 3 / 5

Star ActiveStar ActiveStar ActiveStar InactiveStar Inactive
 

AEG คงการเป็นผู้นำด้าน SECURITY & INSURANCE เผยความน่าเชื่อถือและความแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ

          AEG ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยและการประกันภัยครบในที่เดียว ผู้เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจสินค้ามูลค่าสูงมากว่า 40 ปี เผยทิศทางธุรกิจลุยขยาย 16 สาขาในไทย เตรียมเดินหน้าทำ R&D สินค้าและบริการใหม่ๆ รองรับการบริการด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์และครอบคลุม พร้อมชูแนวทางการบริหารองค์กรด้วยแนวคิด “EASE” เน้นสร้างความสบายใจทั้งลูกค้าและคนในองค์กร

คุณวชิรวิทย์ พูน รองประธานกรรมการบริหารเครือบริษัท แองโกลอีสต์กรุป หรือ AEG

          คุณวชิรวิทย์ พูน รองประธานกรรมการบริหารเครือบริษัท แองโกลอีสต์กรุป หรือ AEG กล่าวว่า AEG เริ่มก่อตั้งขึ้นที่ฮ่องกง เมื่อ 40 ปีที่แล้ว โดย คุณเคเค พูน ประธาน AEG ผู้ที่มีวิสัยทัศน์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จึงได้ขยายธุรกิจจากการให้บริการด้านประกันวินาศภัย ดูแล คุ้มครอง และชดเชยหากเกิดการสูญเสียต่อทรัพย์สินและของมีค่าต่างๆ ของลูกค้าเพียงอย่างเดียว มาช่วยดูแลและป้องกันภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยด้วย จะได้ดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น หลังจากนั้นบริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจสู่อีก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งในประเทศไทย AEG เข้ามาดำเนินธุรกิจในปี 2530 โดยให้บริการด้านประกันภัยสินค้ามูลค่าสูง และดูแลด้านระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณเตือนภัยกันขโมย ระบบกล้องวงจรปิด ระบบควบคุมการเข้า–ออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และบริการตู้เซฟและตู้นิรภัย ซึ่งทุกระบบรักษาความปลอดภัยบริษัทได้มีการพัฒนาบริการและเทคโนโลยีขึ้นมาโดยเฉพาะ

          สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 AEG ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาทั้งสิ้น 16 สาขาในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 6 สาขา และภายในปีนี้จะทยอยเปิดให้ครบเพื่อรองรับการบริการลูกค้าทั่วประเทศอย่างครอบคลุม ทั้งนี้ สิ่งที่บริษัทเรียนรู้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นการเติบโต รวมถึงความสนใจจากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจสินค้ามูลค่าสูง เข้ามาหาเรามากพอสมควร ซึ่งตลาดใหม่ๆ ที่เข้ามานี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และแน่นอนว่า AEG ต้องดำเนินงานด้วยความไม่ประมาท เราต้องศึกษาให้ถ่องแท้ที่สุดว่าลูกค้าหรือตลาดต้องการอะไร เพื่อที่จะได้ให้บริการลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ

          “ที่ผ่านมา จากสถิติการเติบโตของ AEG ในรอบ 5 ปี เราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 40% สำหรับในประเทศไทย ซึ่งปีนี้เป้าหมายของเราก็ต้องการมากกว่านั้น หรือไม่ต่ำกว่าสถิติเดิม ส่วนในปีหน้าเราตั้งใจจะต่อยอดสิ่งที่เรามี โดยการทำ R&D โปรดักส์ใหม่ๆ ซึ่ง Mindset ของเรา ไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ว่าตอนนี้ตลาดมีอะไร อุปกรณ์อะไรทันสมัย เพราะถ้าแค่เรื่องนี้เรามีได้ คนอื่นก็มีได้เหมือนกัน คำถาม แล้วอะไรคือการป้องกันหรือความปลอดภัย นี่คือสิ่งที่เราต้องมาทำ R&D มาพัฒนาในบริการของเรา ซึ่งในอนาคตเราก็มีแผนพัฒนาระบบหรืออุปกรณ์ด้านความปลอดภัยออกมาอย่างแน่นอน” คุณวชิรวิทย์กล่าว

          คุณวชิรวิทย์ กล่าวถึงหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจว่า การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจด้านประกันภัย และเป็นผู้ให้บริการด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผ่านมาประกันภัยของ AEG ได้รับการจัดอันดับ Credit Rating ด้านการเงิน AA- ซึ่งสูงที่สุดในโลก โดยเป็นเครื่องการันตีความน่าเชื่อถือตลอด 40 ปีของ AEG ได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือแล้ว AEG ยังใช้แนวทางการบริหารงาน โดยให้ความสำคัญกับบุคลากรภายในองค์กรของบริษัท เนื่องจากคนในองค์กรต้องไปดูแลลูกค้าของบริษัท ฉะนั้นหากเราดูแลคนในองค์กรให้ทำงานอย่างมีความสุข มีความก้าวหน้า สนับสนุนในทุกทักษะที่เขาสนใจให้ประสบความสำเร็จที่สุด แน่นอนว่าเขาจะส่งต่อความสุขนี้ให้ลูกค้าด้วย เพราะฉะนั้นแนวทางการบริหารของเราจึงเน้นที่ EASE ที่หมายถึงความสบายใจ ซึ่งเราจะมอบให้ทั้งลูกค้า และบุคลากรในองค์กร

          สำหรับจุดเด่นอันเป็นข้อแตกต่างของ AEG นอกจากการประกันที่ครอบคลุมมูลค่าความเสียหายอย่างไม่จำกัดทุน และ Credit Rating ด้านการเงิน AA- แล้ว AEG ก็ยังมีบริการด้านการดูแลความปลอดภัยให้ทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ยิ่งไปกว่านั้นระบบรักษาความปลอดภัยของ AEG ยังเป็นระบบที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ (Gold Award) จากสำนักงานป้องกันอาชญากรรมตำรวจฮ่องกง (Hong Kong Police Force-Crime Prevention Bureau) ในเรื่องของความแม่นยำด้วย ซึ่งระบบของ AEG สามารถการันตีได้ว่าไม่มีสัญญาณเท็จ (False Alarm) ดังนั้น นี่จึงเป็นเป็นจุดแข็งที่แตกต่างของบริษัท และยังเป็นเหตุผลที่หลายๆ กลุ่มธุรกิจเข้ามาให้เราดูแล

          สำหรับโอกาสและความท้าทายของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย คุณวชิรวิทย์ กล่าวว่า เมื่อเวลาผ่านไป พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว คำว่า “Security” กับ “Insurance” เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักจะถอยทันที หากเราเข้าไปพูดคุยด้วยเรื่องนี้ ในขณะที่ปัจจุบันผู้คนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น เริ่มฟังรายละเอียดด้านนี้มากขึ้น นั่นหมายความว่าปัจจุบันคนให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของตนเองมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเจเนอเรชั่นที่เกิดปี 1980 เป็นต้นมา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประเทศไทยจะคล้ายกับฝั่งตะวันตกอย่าง อเมริกา เยอรมนี ที่มองเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิ่งที่สร้างความสบายใจให้ ฉะนั้นจะเห็นว่าเทรนด์ด้านนี้มีมากขึ้น โอกาสในธุรกิจของเราก็มากขึ้นเช่นกัน และแน่นอนว่าเรามั่นใจในความเชี่ยวชาญของเราในการตอบโจทย์ความต้องการ และช่วยแก้ปัญหาของผู้ใช้งาน เพื่อให้เขามีความปลอดภัย และสบายใจในการใช้งาน

          ส่วนในแง่ความท้าทาย เนื่องจากโลกเรามีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี AEG เราเลยต้องปรับตัวให้เท่าทันอยู่ตลอด โดยที่ผ่านมา AEG ได้มีการลงทุนในด้าน Blockchain ในรูปแบบแอปพลิเคชัน เพื่อการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ยากต่อการปลอมแปลง อันเป็นระบบเดียวกับที่ธนาคารต่างๆ ใช้ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันนี้ได้มาสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถคอนโทรลระบบผ่านมือถือได้อย่างสะดวก และปลอดภัย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมและถูกพูดถึงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เราต้องปรับให้เข้ากับธุรกิจของ AEG นี่ก็เป็นความท้าทายใหม่ของเรา

          คุณวชิรวิทย์ กล่าวถึงเรื่องของความยั่งยืนด้วยว่า เนื่องจาก AEG เป็นธุรกิจกลุ่ม Service ซึ่งไม่ได้มีข้อบังคับในเรื่องของสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่เราก็ค่อนข้างให้ความสำคัญในด้านนี้ อย่างน้อยคือต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Emission เพราะการดำเนินงานของเราต้องใช้ยานพาหนะเยอะ เราก็พยายามปรับตัวมาใช้รถที่ลดการปล่อยมลพิษ ขณะเดียวกันในแง่การทำงานเราก็ให้ความสำคัญกับเรื่อง Green Energy ด้วยงานของเราจะใช้ไฟฟ้าเยอะ เนื่องจากระบบต่างๆ ต้องรัน 24 ชั่วโมง บริษัทก็ได้ลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เข้ามาใช้มากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ในด้านสิ่งแวดล้อมโดยรวม แน่นอนอย่างน้อยเราได้เป็นส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

          ส่วนความยั่งยืนในด้านของธุรกิจ อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า เรามองว่าการดูแลบุคลากรภายในองค์กร และลูกค้าของเราให้มีความสุขและความสบายใจนั้น เป็นหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ เป็นความยั่งยืนในตัวอยู่แล้ว ฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำได้มากว่านี้คือการปรับตัว พัฒนาศักยภาพต่างๆ ให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด ในเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เราก็ต้องปรับตัวเองเพื่อให้ทันกับความต้องการ ความเสี่ยง โอกาสและความสูญหายที่อาจเกิดขึ้น ณ เวลานั้นๆ ให้ได้

          ทั้งนี้ สำหรับบริการระบบรักษาความปลอดภัยของ AEG ถือเป็นระบบที่ครบวงจร โดยเราจะใช้อุปกรณ์เตือนภัยคุณภาพสูงและเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อการเฝ้าระวังภัยโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยในระดับที่เหนือกว่า ซึ่งระบบนี้รวมถึงการติดตั้งและการเฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถสบายใจได้ในทุกเวลา โดยทาง AEG จะปรับระบบรักษาความปลอดภัย Security System นี้ให้เหมาะสมกับความต้องการและความจำเป็นที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละท่านเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยบริษัทมีบริการระบบรักษาความปลอดภัย 4 ประเภท ดังนี้

  1. ระบบสัญญาณกันขโมยและผู้บุกรุกสำหรับธุรกิจ บ้านและอาคาร (AEG Surveillance System) เป็นระบบที่ AEG ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเอง ชื่อว่า “Tri-sensor” เป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบ 3 สิ่งด้วยกัน คือ ความเคลื่อนไหว, อุณหภูมิ และมวลน้ำหนัก ซึ่งช่วยให้สามารถแยกคนจากสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ทันที โดยทาง AEG การันตีได้ว่าระบบสัญญาณกันขโมยนี้จะไม่มีการส่งสัญญาณเท็จให้กับเจ้าของธุรกิจ บ้านและอาคารถึง 99.99% โดยระบบสัญญาณกันขโมยจาก AEG มาพร้อมทีมเฝ้าระวังเหตุ 24 ชม. AEG CMS ที่จะคอยมอนิเตอร์สัญญาณความผิดปกติพร้อมประสานงานเข้าระงับเหตุให้อย่างทันท่วงที

  2. ระบบสัญญาณเตือนป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm System) แจ้งเตือนเฝ้าระวังไฟไหม้ด้วยการตรวจจับควันและความร้อนในเวลาเดียวกัน พร้อมศูนย์เฝ้าระวัง AEG CMS ที่จะคอยช่วยตรวจจับสัญญาณของอุปกรณ์ทุกวินาที เพื่อตรวจสอบระบบสัญญาณเตือนป้องกันอัคคีภัยว่ายังสามารถใช้งานได้ดีอยู่เสมอ และประสานงานนักดับเพลิงเข้าระงับเหตุแบบทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนความผิดปกติในพื้นที่

  3. ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV Network) ที่มีระบบบันทึกภาพแบบ Full HD ซึ่งเป็นระบบกล้องวงจรปิดไร้สายเพื่อความคมชัดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนหรือในบริเวณที่มีแสงน้อย พร้อมทั้งยังสามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้แม้มีการตัดไฟหรือไฟดับ ซึ่งจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อเนื่องได้นานถึง 1 ชั่วโมง และผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่ออัพเดตทุกเหตุการณ์ได้อย่างเท่าทัน แม้ในเวลาที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดก็สามารถดูภาพหรือสั่งการอุปกรณ์ได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือเท่านั้น

  4. ระบบล็อคอิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุมการเข้า-ออกทางประตู (Electronic Locking & Access Control System) หนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยในโรงงาน บ้าน สำนักงาน หรือสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะควบคุมการเข้า-ออกทางประตูที่มาพร้อมกับตัวเลือกที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการและความจำเป็นที่แตกต่างกันได้ โดย AEG เรามีระบบป้องกันแบบยืนยันตัวตนต่างๆ (Access Control System) ดังนี้ ระบบสมาร์ทการ์ด ระบบสแกนนิ้ว ระบบสแกนเส้นเลือด ระบบสแกนใบหน้า ระบบสแกนรูม่านตา และระบบเครื่องทาบบัตร

 

        “AEG ได้ดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 40 ปี ในการปกป้อง คุ้มครอง ดูแล และแก้ไขปัญหาของลูกค้าของเราได้ตรงจุด และเราก็ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาบริการของเราอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกค้าของเราทุกท่านได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจในทุกวัน ตามที่เราตอกย้ำอยู่เสมอว่าเราอยากให้ทุกคนรู้สึก Always at EASE เมื่ออยู่กับ AEG” คุณวชิรวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย

www.aeginc.co 

 

Page Visitor

013016570
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
10225
14397
117105
319084
505277
13016570
Your IP: 3.145.16.251
2024-12-22 16:48
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.