โรงงานน้ำตาลนครเพชร เดินแผนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวไร่อ้อยคู่สัญญา หลังฟื้นฟูกิจการแล้วเสร็จ ลุยส่งเสริมชาวไร่ปลูกอ้อย
พร้อมเปิดรับผลผลิตอ้อย ประจำฤดูการผลิตปี 2565/66
โรงงานน้ำตาลนครเพชร ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยปีการผลิต 2565/66 มีปริมาณผลผลิตอ้อยทั้งประเทศรวม 105 ล้านตัน เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านผลผลิตอ้อยในพื้นที่เขตภาคเหนือ 2 หลังผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้วเสร็จ นำศักยภาพการดำเนินงานที่เข้มแข็งร่วมมือกับชาวไร่อ้อยและโรงงานในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการเพาะปลูกอ้อยเพิ่มอีก 5 แสนไร่ พร้อมเซ็นเอ็มโอยูส่งเสริมการตัดอ้อยสดส่งมอบโรงงาน หวังลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ สร้างความยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย
นายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศไทยในปีการผลิต 2565/66 มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตอ้อยเข้าหีบรวมทั้งสิ้น 105 ล้านตัน หรือสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายทั่วประเทศเตรียมพร้อมเปิดรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบจากชาวไร่อ้อยคู่สัญญา โดยจะเริ่มทยอยเปิดหีบได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โรงงานน้ำตาลนครเพชรนั้น เป็นโรงงานอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกอ้อยภาคเหนือเขต 2 ที่มีศักยภาพและความพร้อมเตรียมเปิดรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบจากชาวไร่อ้อยคู่สัญญา โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2562/63 - 2564/65) โรงงานมีปริมาณผลผลิตอ้อยเข้าหีบ อยู่ที่ 2.89 ล้านตัน 2.02 ล้านตัน และ 2.11 ล้านตัน และผลิตน้ำตาลได้ 3.15 ล้านกระสอบ 2.15 ล้านกระสอบและ 2.16 ล้านกระสอบ ตามลำดับ และคาดว่าในปีการผลิต 2565/66 จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้น และใช้ประโยชน์จากกากอ้อยที่เป็นของเสียจากจากกระบวนการผลิต เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 8 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
ขณะเดียวกัน โรงงานน้ำตาลนครเพชร พร้อมก้าวสู่การเติบโตครั้งใหม่เพื่อให้บริการแก่ชาวไร่อ้อยคู่สัญญา หลังฟื้นฟูกิจการแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะนำศักยภาพการดำเนินงานที่มีความแข็งแกร่งด้านฐานะทางเงิน ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ชาวไร่อ้อยให้ดียิ่งขึ้นด้วยการประกันราคาผลผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้ชาวไร่อ้อยคู่สัญญาได้ประโยชน์และสามารถยึดอาชีพเพาะปลูกอ้อยเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวได้ พร้อมกันนี้ ยังได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ การรับอ้อยสดคุณภาพดี แก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้และอ้อยที่มีสิ่งปนเปื้อน โดยร่วมมือกับโรงงานน้ำตาลในเขตบริหารงานอ้อยและน้ำตาลทราย 2 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือในการกำกับดูแลและกำหนดมาตรฐานการรับซื้ออ้อยให้ได้คุณภาพ ให้เกษตรกรตัดอ้อยสดส่งมอบโรงงานแทนการเผาอ้อยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จะร่วมมือกันส่งเสริมการเพาะปลูกอ้อยเพิ่มเติมอีก 500,000 ไร่ เพื่อความมั่นคงด้านผลผลิตอ้อยในพื้นที่ และสร้างความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยโดยรวมได้
“นับตั้งแต่ที่เราเข้าสู่กระบวนการฟิ้นฟูกิจการได้ดำเนินการตามแผนอย่างเคร่งครัด ทำให้กลับมายืนได้อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมนำศักยภาพการดำเนินงานเข้าไปช่วยสนับสนุนชาวไร่อ้อยคู่สัญญาในการเพาะปลูกและการจัดเก็บผลผลิตอ้อยที่มีคุณภาพให้มากยิ่งขึ้น” นายวิบูลย์ กล่าว