ไทวัสดุตอกย้ำผู้นำธุรกิจฮาร์ดไลน์สีเขียว เดินหน้าติดตั้ง “โซลาร์รูฟท็อป”
ร้านไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ปี 2566 เพิ่ม 23 สาขา มุ่งมั่นเป็นต้นแบบค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสีเขียวอย่างยั่งยืน
บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ได้มีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาร้านไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม โดยตั้งแต่ปี 2563 – 2565 ติดตั้งแล้วเสร็จจำนวน 36 สาขาทั่วประเทศ สามารถประหยัดไฟฟ้าภายในร้านไฟฟ้าได้สูงถึง 40-50% ต่อเดือน พร้อมตั้งเป้าในปี 2566 เดินหน้าติดตั้งเพิ่มอีก 23 สาขา ตอกย้ำเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ในการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบรายแรกของไทยด้านความยั่งยืน
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ไทวัสดุมีนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในแนวปฏิบัติสำหรับพนักงาน คู่ค้า ความรับผิดชอบต่อสังคม บริการและผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดภายในองค์กร โดยนโยบายการใช้พลังงานสะอาดนั้น มีเป้าหมายเพื่อให้สอดรับกับภาครัฐที่ปัจจุบันให้ความจริงจังกับการผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึง "ภาวะโลกรวน" ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การนำมาใช้เป็นพลังงานสำหรับยานพาหนะเพื่อใช้ในการขนส่งและการคมนาคมการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมของโลก
ไทวัสดุได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงมุ่งที่จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยการเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในร้าน หรือที่เรียกว่าระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Off-grid ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง รับเทรนด์พลังงานสะอาดที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว โดยได้ดำเนินการติดตั้งระบบระบบโซลาร์เซลล์บนพื้นที่หลังคาร้านไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม เริ่มดำเนินการติดตั้ง ตั้งแต่ปี 2563 รวมจำนวน 6 สาขา ปี 2564 ติดตั้งจำนวน 8 สาขา และในปี 2565 ได้ติดตั้งแล้วเสร็จอีกจำนวน 22 สาขา อาทิ สาขาระยอง สาขาเชียงราย สาขาชลบุรี สาขาแจ้งวัฒนะ สาขาพระราม 2 เป็นต้น รวมขนาดการติดตั้งหมด 16.6 เมกะวัตต์ โดยในการติดตั้งระบบดังกล่าวสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าได้สูงถึง 40-50% ของค่าไฟปกติ ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลง อีกทั้งยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมสร้างสังคมไทยให้กลายเป็นสังคมไร้คาร์บอนอีกทางหนึ่งอีกด้วย
“แนวโน้มค่าพลังงานเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงในทุกๆ ปี อาจส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าต่อหน่วยสูงขึ้นในอนาคต จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหาวัตถุดิบเชื้อเพลิงหลักอื่นๆ มาทดแทนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง โดยการเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ในร้านในช่วงเวลากลางวัน หรือที่เรียกว่าระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Off-grid สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง โดยได้ติดตั้งระบบบนพื้นที่หลังคาร้าน ทั้งนี้ ในปี 2566 นี้ ไทวัสดุได้ตั้งเป้าติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพิ่มอีกจำนวน 23 สาขาทั้งในร้านไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม พร้อมตอกย้ำให้ไทวัสดุเป็นกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์สีเขียวชั้นนำ และเป็นต้นแบบของการสร้างความมั่นคงทางธุรกิจควบคู่กับการสร้างความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายสุทธิสาร กล่าวทิ้งท้าย