“เอกา โกลบอล” ประเมินบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร – กรีนโปรดักส์สดใส รับอานิสงส์ปี 67 ส่งออกอาหารโตต่อเนื่อง
“เอกา โกลบอล” ประเมินตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ฉายภาพปีหน้าสดใสตามทิศทางตลาดอาหารส่งออก คาดยอดขายจะเติบโตในระดับปกติก่อนโควิดแพร่ระบาด แต่ต้องจับตาทิศทางเศรษฐกิจโลกและเทรนด์ดอกเบี้ย ทางด้านพฤติกรรมผู้บริโภค มองเมกะเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนจะเป็นตัวชี้ หนุนกรีนโปรดักส์มีโอกาสขยายตัวมากขึ้น
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า มองทิศทางตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารปี 2567 จะเติบโตได้เป็นอย่างดีจากปี 2566 โดยตลาดส่งสัญญาณการขยายตัวที่ดีขึ้นมากและกลับเข้าสู่สถานการณ์เป็นปกติก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขยายตัวตามทิศทางตลาดส่งออกอาหาร อย่างไรก็ดีในปีหน้าจะต้องจับตาดูภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ถึงแม้ว่าจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีมากขึ้นจากปีนี้ แต่น่าจะไม่หวือหวามากนัก อีกทั้งตลาดโลกยังมีความไม่นอนของเทรนด์ดอกเบี้ย ซึ่งจะกดดันต้นทุนทางการเงินและการขยายตัวของภาคธุรกิจได้
“มุมมองปีหน้า เทรนด์ตลาดส่งออกอาหารทั่วโลกจะสดใสและคึกคักมากขึ้นจากปีนี้ ที่ตลาดในภาพรวมมีการชะลอตัวเล็กน้อยในช่วงต้นปี เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การขนส่งมีความล่าช้า แต่สถานการณ์ก็ค่อย ๆ คลี่คลายและดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามในปี 2567 แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน เพราะถึงแม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัว แต่คงไม่เห็นการฟื้นตัวแบบหวือหวามากนัก จะค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยยังมีความไม่ชัดเจน ทำให้การลงทุนจะมีความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนทางการเงินจึงต้องระมัดระวัง”
ทั้งนี้ เอกา โกลบอล คาดการณ์ยอดขายทั้งปี 2567 จะเติบโตกว่า 10-15% จากปี 2566 และเป็นการเติบโตในระดับที่ดีเท่ากับปี 2564 โดยในปีหน้า บริษัทฯ จะยังไม่มีแผนการลงทุนขยายงานใหม่ แต่จะมุ่งเน้นการวางกลยุทธ์ที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นสำหรับตลาดที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และไทย โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งบริษัทฯ เพิ่งลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ (PUNE) เพื่อรองรับตลาดอินเดียที่เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 100% ในปีนี้
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจะให้ความสำคัญกับงานด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า และตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์โลกที่กำหนดพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก โดยในปีหน้า ผู้บริโภคจะยิ่งตื่นตัวและมีความต้องการสินค้ากรีนโปรดักส์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับหลายประเทศทั่วโลกจะเริ่มออกกฏระเบียบด้านการค้า และกำหนดใช้มาตรการทางด้านภาษีสินค้าคาร์บอนที่เข้มงวดและจริงจังยิ่งขึ้น
“ผลผลิตและวัตถุดิบการผลิตอาหารทั่วโลกอยู่ในเทรนด์ขาลง เพราะผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศ กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร เราต้องปรับแผนกลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือให้เร็ว เพราะถ้าหากผู้ผลิตอาหาร ยังคงเน้นผลิตแต่อาหารสด ซึ่งมีอายุการจัดเก็บที่สั้น โดยไม่มีนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยปิดจุดอ่อน ก็จะทำให้เสียโอกาส และยังเป็นการสูญเสียทรัพยากร บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของเอกา โกลบอล จะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มโอกาสและการขยายตลาด ทำธุรกิจในพื้นที่ที่ไกลขึ้น หรือ แม้แต่การส่งออกไปต่างประเทศ เพราะสามารถเพิ่มอายุการจัดเก็บอาหารนอกตู้เย็นได้ยาวนานกว่า 2 ปี และยังรีไซเคิลได้ 100%”