“เอกา โกลบอล” มองภาคท่องเที่ยวดันการบริโภคพุ่ง หนุนแพ็กเกจจิ้งมีนวัตกรรมยืดอายุเติบโต
“เอกา โกลบอล” มองปีนี้ ผู้บริโภคมีการอุปโภคบริโภคมากขึ้น หลังมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากภาคท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณการเติบโตเต็มที่ในปีนี้ ส่งผลบวกต่อบรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารมีโอกาสขยายตัวในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตที่มีนวัตกรรมช่วยยืดอายุอาหาร มั่นใจไตรมาสแรกยอดขายพุ่ง รับทรัพย์ทั้งจากกลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน – อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม – กรีนโปรดักส์ ทั้งปีเติบโตกว่า 10-15%
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) แบรนด์คนไทยเบอร์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก และดำเนินธุรกิจด้วยความภาคภูมิใจกว่าสองทศวรรษ เปิดเผยว่า มองการอุปโภคบริโภคในเดือนแรกของปี 2567 เริ่มเห็นการผ่อนคลาย และมีแนวโน้มเติบโตขึ้น คาดว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และภาคการท่องเที่ยวไทยที่จะมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศมากขึ้นในปีนี้
อ้างอิงตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา น่าจะมีเม็ดเงินสะพันกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 44% มีแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น และตัวเลขจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประมาณการณ์รายได้ท่องเที่ยวไทยทั้งปี 2567 อยู่ที่ระดับ 2.75 ล้านล้านบาท จากการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะมีการปรับประมาณการณ์ลดลงจากปีก่อน
อย่างไรก็ดี ยังมีความเปราะบางจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง แต่มองว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยังคงซื้อสินค้าจำเป็นเช่นเดิม โดยเฉพาะอาหาร ทั้งการออกไปทานอาหารนอกบ้าน และการสั่งอาหารเดลิเวอรี เป็นต้น
ขณะที่ หนึ่งกลุ่มที่มีอำนาจซื้อสูงในตลาด คือ “พ่อแม่ยุคใหม่” ซึ่งได้เห็นพลังการใช้จ่ายสูงมากในช่วงวันเด็กที่ผ่านมา โดยพ่อแม่ยุคใหม่ต่างพร้อมทุ่มเม็ดเงินไม่อั้นเพื่อลูก และที่น่าสนใจคือไม่ว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร แต่กลุ่มผู้ปกครองยังคงเต็มใจพร้อมยอมจ่ายเพื่อดูแลลูกและนิยมซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกเสมอ สะท้อนจากอัตราการเติบโตของตลาดของเล่นที่เสริมพัฒนาการเด็กปี 2566 มีการเติบโตกว่า 10% มีมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งสินค้าเด็ก อาหารและเครื่องดื่มสำหรับเด็ก เติบโตแรงตามไปด้วย
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เป็นเวลามากกว่า 20 ปี ที่แพ็กเกจจิ้งแห่งอนาคต “เอกา โกลบอล” อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ผลิตอาหารมากมาย ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายเล็ก หรือ เอสเอ็มอี จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และการตื่นตัวของผู้บริโภคในประเทศและทั่วโลกที่มีความต้องการอาหารที่มีความปลอดภัยสูง (Food Safety) มากขึ้น ทำให้ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร “เอกา โกลบอล” เป็นที่คุ้นชินในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น และถูกนำไปใช้บรรจุอาหารหลากชนิด หลายรูปแบบ และมีอยู่ในทุกชั้นวางสินค้าในโมเดิร์นเทรด
อาทิ กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) อาทิ ขนมหวาน กาแฟแคปซูล ซุป อาหารเด็ก (Baby-Foods) ข้าวหุงสำเร็จ อาหารพร้อมรับประทาน อาหารปลาและอาหารทะเล ผลิตภัณฑ์จากนม ผักและผลไม้ สลัด น้ำผลไม้ เครื่องดื่มต่าง ๆ เป็นต้น และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Foods)
“ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ช่วยรักษาคุณค่าสารอาหาร สามารถช่วยยืดอายุอาหารและเก็บอาหารไว้ได้ในอุณหภูมิห้อง โดยไม่ต้องใช้วัตถุกันเสีย คงรสชาติ การันตีด้วยคุณภาพ น้ำหนักเบา สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ แพ็กเกจจิ้งยืดอายุอาหาร “เอกา โกลบอล” นับว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคและพ่อแม่ยุคใหม่ เพราะนอกจากมอบความมั่นใจเรื่องอาหารปลอดภัย (Food Safety) แล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาในการจัดเตรียมอาหาร ง่ายต่อการพกพาและจัดเก็บ แถมยังสะดวกหาซื้อสินค้าได้ง่ายตามชั้นวางสินค้าในห้างสรรพสินค้า”
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แม้ในปี 2567 ตลาดจะมีความท้าทายอยู่มาก แต่สำหรับแพ็กเกจกิ้งอาหาร โดยกลุ่มบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตที่มีนวัตกรรมช่วยยืดอายุอาหาร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังสามารถเติบโตได้ดีตามตลาดอาหารส่งออก สะท้อนจากยอดคำสั่งซื้อของบริษัทฯ ที่ขยายตัวสูงขึ้นสู่ระดับเป็นปกติตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2566
ทั้งนี้ เป็นการขยายตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) กลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Foods) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารเพื่อสิ่งแวดล้อม (กรีนโปรดักส์) และเป็นการเติบโตทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอินเดีย มีอัตราการเติบโตมากกว่า 100% ต่อปี
“มองไตรมาสแรกของปีนี้ ตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารทั้งอาหารพร้อมรับประทาน อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม และกรีนโปรดักส์ จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ยอดขายทั้งปี 2567 นี้ บริษัทฯ จะเติบโตกว่า 10-15% จากปี 2566 และเป็นการเติบโตในระดับที่ดีเท่ากับปี 2564”