CPL ปลื้มแบรนด์ ‘แพงโกลิน’ คว้า 2 ใบรับรองมาตรฐานระดับโลก
มองตลาดเซฟตี้โปรดักส์โตต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาระบบ ‘เอไอ วิชั่น’ ให้บริการลูกค้า
CPL เดินหน้าทำตลาดเซฟตี้โปรดักส์ หลังแบรนด์ “แพงโกลิน” คว้า 2 ใบรับรองมาตรฐานระดับโลกด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และด้านความปลอดภัยและชีวอนามัย เชื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าไว้วางใจ ระบุอุปกรณ์ป้องกันภัยยังมีความต้องการสูงจากความตระหนักเรื่องความปลอดภัยทั้งในสถานที่ทำงานและสถานศึกษา พร้อมเดินหน้าเพิ่มบริการใหม่ด้วยระบบ AIoT และ AI Vision ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในโรงงาน มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดี ต่อยอดสร้างรายได้ธุรกิจเซฟตี้โปรดักส์โตต่อเนื่อง
นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันภัย (เซฟตี้ โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” (Pangolin) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการของอุตสาหกรรมที่ตระหนักถึงความปลอดภัยและการป้องกันภัยในสถานที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในโรงงาน ไซต์งาน โรงพยาบาล อาคารสำนักงานต่างๆ รวมถึงสถานศึกษา โดยที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ “แพงโกลิน” ภายใต้การบริหารของ CPL ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทำให้ยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ป้องกันภัยแบรนด์ ‘แพงโกลิน’ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มาจากคุณภาพสินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับมาตรฐานสากล โดยในปีนี้แบรนด์ ‘แพงโกลิน’ ได้รับการรับรองผ่านมาตรฐานสากลที่ยอมรับในระดับโลก 2 มาตรฐาน ได้แก่ ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO :14001:2015 (EMS : Environmental Management System) ซึ่งเป็นการรับรองการทำงาน รวมถึงกระบวนการผลิต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปล่อยมลพิษน้อยที่สุด และระบบการจัดการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ISO 45001 (OHS MS : Occupational Health and Safety Management System) ซึ่งเป็นการรับรองการทำงานและกระบวนการต่างๆ ว่ามีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายจากการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากและเป็นมาตรฐานที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของเรา ขณะเดียวกัน เรายังมีบริการให้คำแนะนำกับลูกค้าโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้อุปกรณ์นิรภัยที่ต้องใช้งานอย่างถูกวิธี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าว
ปัจจุบันธุรกิจการผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัยหรือเซฟตี้ โปรดักส์ มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 32% ของรายได้รวมของ CPL โดยบริษัทฯ พร้อมที่จะทำตลาดสินค้าด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องด้วยรูปแบบที่หลากหลายขึ้น โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยให้กับลูกค้า ด้วยบริการ Artificial Intelligence of Things หรือ AIoT ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มากกว่า Internet of Things (IoT) และบริการ Artificial Intelligence Vision หรือ AI Vision ซึ่งทั้ง AIoT และ AI Vision จะช่วยให้งานด้านความปลอดภัยของลูกค้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น มีระบบตรวจจับอุบัติเหตุของตัวพนักงาน และอุปกรณ์นิรภัยในโรงงานที่แม่นยำ
“เราเชื่อว่า บริการ AIoT และ AI Vision จะตอบโจทย์การทำงานที่ต้องการความปลอดภัยในโลกปัจจุบันที่ AI เข้ามามีส่วนมากขึ้น โดยเราพร้อมที่จะแนะนำบริการเหล่านี้ให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทั้งการรุกทำตลาดโดยตรง และทำตลาดผ่านงานแสดงสินค้าด้านความปลอดภัย ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เรามีแผนที่จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเซฟตี้ที่จัดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้สินค้าและบริการด้านความปลอดภัยที่ใช้ระบบ AIoT และ AI Vision ของ ‘แพงโกลิน’ และ CPL เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น” นายภูวสิษฏ์กล่าว
ทั้งนี้ CPL ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.การผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป (Finished Leather) โดยผลิตภัณฑ์หนังของ CPL สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ หนังผิวและหนังท้อง 2.การรับจ้างฟอกหนัง (Tanning) ซึ่งแบ่งเป็นการฟอกหนังวัวและการฟอกหนังหมู และ 3.การผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย (Safety Products) นอกจากนี้ CPL ได้จัดตั้งและถือหุ้นในบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยได้ดำเนินการลงทุนในบริษัทอิทธิ์ 3 ฤทธิ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ “พลาย” (PLY) และบริษัท นาว เอนด์ออฟเวสท์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องย่อยเศษอาหารแบรนด์ “นาว” (NOW)