November 15, 2024

KTIS คาดผลผลิตอ้อยปลายปีนี้มากกว่าปีก่อน 15-20%

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

KTIS คาดผลผลิตอ้อยปลายปีนี้มากกว่าปีก่อน 15-20% หนุนผลประกอบการปี 2568 เติบโต

          กลุ่ม KTIS ชี้ปลายปีนี้ชาวไร่อ้อยยิ้มได้ คาดผลผลิตอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตปี 67/68 จะมากกว่าฤดูกาลผลิตปี 66/67 อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% เนื่องจากปริมาณฝนมากกว่าปีก่อน และเชื่อว่าคุณภาพอ้อยจะดีขึ้นด้วย ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลมากกว่าปีก่อนด้วย  อีกทั้งยังส่งผลดีไปถึงสายธุรกิจเอทานอล เยื่อกระดาษ และโรงไฟฟ้าชีวมวล  เพราะจะมีวัตถุดิบสำหรับการผลิตมากขึ้น

นอกจากนี้ โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100% ก็จะสามารถรับรู้รายได้เต็มปี และมีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ด้วย จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในปี 2568 จะดีกว่าปี 2567

           นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจน้ำตาล และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า เนื่องจากปีนี้มีปริมาณฝนตกมากกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวไร่อ้อย เพราะจะทำให้ต้นอ้อยได้รับน้ำอย่างเพียงพอและเติบโตได้ดี จึงคาดว่าผลผลิตอ้อยฤดูการผลิตปี 2567/2568 จะมากกว่าปี 2566/2567 ประมาณ 15-20% อีกทั้งคุณภาพของอ้อยที่จะนำไปผลิตน้ำตาลก็จะดีขึ้นด้วย ดังนั้น ส่วนแบ่งรายได้ของชาวไร่อ้อยจากการขายน้ำตาลก็จะได้มากกว่าปีก่อน โดยชาวไร่มีส่วนแบ่งรายได้ 70% และโรงงานน้ำตาลมีส่วนแบ่ง 30%

          “มั่นใจว่าด้วยสถานการณ์ของฝนปีนี้ ผลผลิตอ้อยต่อไร่จะได้มากกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน เพราะปีก่อนเจอปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตอ้อยจึงต่ำกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก อีกทั้งอ้อยก็โตไม่เต็มที่ ทำให้คุณภาพอ้อยต่ำ เมื่อนำไปเข้าหีบเพื่อผลิตน้ำตาลทราย จึงได้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยลดลงด้วย โดยในฤดูหีบปี 66/67 กลุ่ม KTIS ได้อ้อยเข้าหีบ 5.0 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้ 5.1 ล้านกระสอบ” นายสมชาย กล่าว

          ทั้งนี้ ปริมาณอ้อยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีการผลิต 67/68 จะส่งผลดีต่อทุกสายธุรกิจ เพราะจะมีโมลาส หรือ กากน้ำตาลไปผลิตเอทานอลมากขึ้น มีชานอ้อยที่ป้อนเข้าโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อยมากขึ้นด้วย จึงมั่นใจว่ารอบบัญชีปี 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS จะดีขึ้นกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน

           ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100% ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 50 ตันต่อวัน หรือประมาณ 3 ล้านชิ้นต่อวัน โดยมีเครื่องจักร 50 เครื่อง ที่สามารถผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยออกสู่ตลาดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น จาน ชาม กล่อง ถาดหลุม เป็นต้น และยังมีรายได้จากโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท จีจีซี เคทิสไบโออินดัสเทรียล จำกัด หรือ GKBI บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม KTIS และกลุ่ม ปตท. อีกด้วย

           สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 (เมษายน - มิถุนายน 2567) กลุ่ม KTIS มีรายได้รวม 5,586.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 133.6 ล้านบาท

Page Visitor

012419658
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
16201
11950
101340
227449
432245
12419658
Your IP: 13.59.45.243
2024-11-15 17:38
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.