KWM ดีเดย์เดินเครื่องโรงสกัดสมุนไพร KWHB ชูนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องสกัดสารระดับนาโน รายแรกของโลก
บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเกมรุกเดินเครื่องโรงสกัดพืชสมุนไพร KWHB ลุยสกัดสารสำคัญจากพืชใหกับลูกค้ากลุ่มสินค้าประเภทเครื่องสำอาง อาหารเสริม ยา เครื่องดื่ม รองรับการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรที่สามารถสกัดสารระดับ นาโน (nano) มาใช้ในกระบวนการสกัดรายแรกของโลก
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) ซึ่งดำเนินธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยรวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดดำเนินการกระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยวันนี้ (14 มีนาคม 2567) เพื่อดำเนินการผลิตสกัดสุมนไพรไทย โดยในระยะแรกโรงสกัดมีขนาดกำลังการผลิตจะอยู่ที่ 200 กิโลกรัมต่อวัน
โดยความโดเด่นของโรงสกัดพืชสมุนไพร KWHB นั้น บริษัทได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรที่สามารถสกัดสารระดับนาโน (nano) ซึ่งเป็นระดับที่เล็กมากส่งผลให้การดูดซึมสารสำคัญในระดับเซลล์ทำได้ดีขึ้น การออกฤทธิ์อาจมีความสามารถเทียบเท่ายาเคมีแผนปัจจุบัน และเครื่องจักรดังกล่าวนี้ใช้ระบบอุลตร้าโซนิคไดนามิคเป็นเครื่องแรกของโลก โดยทาง สวทช.ได้ส่งไปตรวจยืนยันกับสิทธิบัตรโลกแล้วว่าเครื่องอุลตร้าโซนิคไดนามิคนี้ มีสาระสำคัญถึง 6 ประการที่ไม่มีใคร คิดและเคยผลิตมาก่อนจึงถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลกที่วิจัยและพัฒนาโดยคนไทยจนประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะเริ่มเดินเครื่องสกัดสารจากมะขามป้อมก่อนในเฟสแรก นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนสกัดสารสำคัญจากมะม่วงหาวมะนาวโห่ ดาวเรือง ขมิ้นชัน เป็นลำดับถัดไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในประเทศทั่วโลกที่หันมาให้ความสำคัญจากสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรสำหรับการรักษาโรคแบบถาวร แทนการใช้ยาที่ใช้สารเคมี
โดยล่าสุด มีกลุ่มบริษัทผู้ประกอบการมาขอซื้อสารสกัดจาก KWHB แล้วหลายราย อาทิ โรงพยาบาลหัวเฉียว, โรงพยาบาลอภัยภูเบศร, บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน), โรงพยาบาลนครพนม เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อนำสารสกัดที่ได้ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในกลุ่มสินค้าประเภทยา เครื่องดื่ม อาหารเสริม เครื่องสำอาง และอื่น ๆ
สำหรับโรงงานผลิตภัณฑ์สารสกัดที่ได้จากพืช ดำเนินการภายใต้บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) ระหว่าง KWM ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และกลุ่มพันธมิตร จากประเทศจีน Liangtian Agriculture and Forestry Technology Co., Ltd. โดย คุณซิง รุ่ยหลิน ผู้ผลิตยาจีนรายใหญ่ ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งในขณะนี้ประกาศความพร้อมดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์
ภายใต้การได้รับใบอนุญาติการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, ใบอนุญาติมาตรฐาน GHP (Good Hygiene Practice(s)) คือการตรวจมาตรฐานสุขลักษณะที่ดี ในการผลิตอาหาร เป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางอาหารที่ประยุกต์ใช้หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับกิจกรรมการผลิตอาหาร ระบบพื้นฐานของโรงงานที่ผลิตอาหาร นอกจากนี้ โรงงานดังกล่าวยังได้ใบอนุญาติ HACCP คือระบบการจัดการคุณภาพขั้นสุดท้าย รวมถึงการวางมาตรการในการป้องกันและตรวจติดตามแก้ไข เพื่อให้อาหารที่ผลิตนั้นมีความปลอดภัยจากเชื้อจุลินทรีย์ สารเคมี และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่อาจมีอันตรายต่อผู้บริโภค และในอนาคตจะดำเนินการขอใบรับรอง ISO 22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่รวมถึงสถาบันที่เกี่ยวข้อง เช่น อุปกรณ์วัสดุบรรจุภัณฑ์สารทำความสะอาดสารเติมแต่งและผู้ผลิตส่วนผสมในห่วงโซ่อาหารทั้งหมดเพิ่มเติม
ปัจจุบัน KWHB มีเครื่องจักรชุดเดียว (เครื่องสกัดอุลตร้าโซนิค, เครื่องสกัด (CO2), เครื่องระเหยความเร็วสูง และ เครื่อง Vacuum Spray Dryer) แต่ในอนาคตก็มีแผนจะสร้างเครื่องจักรชุดที่ 2 และ ชุดที่ 3 เพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอดและขยายการรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเครื่องสกัดของ KWHB สามารถสกัดได้หลายวิธี เช่น สกัดด้วยน้ำ สกัดด้วยแอลกอฮอล์ สกัดด้วยกรด และสกัดด้วยระบบ Super critical fluid extraction (CO2) ที่พัฒนาเครื่องจักรจาก KWM ส่วนเครื่องอุลตร้าโซนิคไดนามิก เป็นเครื่องที่มีสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ถูกต้องของ KWHB ที่สำคัญเราเป็นรายเดียวในโลกที่สามารถสร้างเครื่องจักรนี้ได้
นายเอกพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอาหารเสริมได้รับความนิยมสูง เนื่องจากใช้เวลาในการผลิตได้ เร็วกว่าการผลิตเป็นยา ซึ่งสารสกัดจากสมุนไพรก็เป็นหนึ่งในสารสกัดที่ได้รับความนิยมสูงในการนำเข้าไปเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารเสริม ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับมาตรฐานสากล KWHB จึงได้ผนึกกับบริษัท K-Lab จำกัด เพื่อใช้ห้องปฏิบัติการ หรือห้องแล็บ (Lab) สำหรับตรวจสอบคุณภาพสินค้า รวมถึงเครื่องตรวจสอบสายพันธุ์ก่อนจะนำมาสกัดสารเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพคงที่และดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม KWHB มีทีมวิจัยจะพัฒนาและผลักดันให้สมุนไพรไทยสู่การเป็นสมุนไพรโลก ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์หลอมรวมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยเครื่องมือสกัดสมุนไพรที่ทันสมัย ห้องแล็บที่มีมาตรฐานสูง ทีมบุคลากรที่มีประสบการณ์และความชำนาญ ขณะเดียวกันมองว่างานวิจัยก่อให้เกิดนวัตกรรม และนวัตกรรม จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น