February 05, 2025

Editor's Note December 2024

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

          เข้าสู่ เดือนสุดท้ายของปี 2567 แล้ว ขณะนี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวได้ 2.8% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกดีกว่าที่คาด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 4% ในไตรมาสที่ 4

          ขณะที่ ปี 2568 กกร. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้ท่ามกลางความไม่แน่นอน โดยมีแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง รวมถึง มาตรการภาครัฐทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวที่กำลังจะทยอยออกมา เช่น การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการ SME การปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปีเพื่อดึงดูดการลงทุน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

          พร้อมกันนี้ กกร. ระบุว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสินค้าส่งออกหลัก อาทิ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดพลาสติก และยางล้อ เป็นต้น

          สำหรับนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 10% และเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงสุด 60% ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของภาคอุตสาหกรรมไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม

          โดยล่าสุดผลการสำรวจ “FTI CEO Poll” ครั้งที่ 42 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองภาคอุตสาหกรรมต่อผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0” พบว่า ผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ส่วนใหญ่มีความกังวลต่อนโยบายของ มร.โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ระดับปานกลาง เนื่องจากยังต้องติดตามว่านโยบายดังกล่าวจะมีความชัดเจนอย่างไรหลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2568

          ขณะเดียวกัน จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่าภาคอุตสาหกรรมจะต้องเร่งพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลก ควบคู่ไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจในการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่มีผลพวงมาจากนโยบายทรัมป์ 2.0 รวมทั้ง จะต้องมีการวางแผนกระจายการส่งออกสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ ที่มีศักยภาพ นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ส่วนภาครัฐควรบูรณาการความร่วมมือในการส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศให้มากขึ้น และให้ความสำคัญกับปกป้อง Supply Chain ภายในประเทศไทย

          ปิดท้ายฉบับนี้กับวิสัยทัศน์ คุณกัญทร โพธิ์กลัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส คอมโพเน็นส์ จำกัด เผยแผนการดำเนินงานปี 2567 มุ่งต่อยอดภาพรวมธุรกิจ 3 ด้านหลัก เพิ่มการออกแบบ และติดตั้ง มุ่งสู่การเป็น One Stop Service, เพิ่มศักยภาพสินค้า สต็อกในไทย และสร้างแบรนด์ RS PRO ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพในราคาย่อมเยา บวกตั้งเป้าการเติบโตปีนี้ที่ 2 Digit พร้อมชูจุดเด่นทักษะของพนักงานที่พร้อมตอบโจทย์ความหลากหลายของลูกค้า บวกตอกย้ำผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซที่อยู่ในตลาดมาเป็นเวลานานถึง 19 ปี การันตีความไว้วางใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

Page Visitor

013955359
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
10919
21284
102541
125738
623074
13955359
Your IP: 3.148.106.131
2025-02-05 10:46
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.