October 08, 2025

“เอกา โกลบอล” เตรียมแผนขยายตลาดใหม่ รับมือเทรดวอร์ภาษีทรัมป์ เร่งเครื่องตลาดอินเดีย แก้เกมเศรษฐกิจโลกผันผวน

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

“เอกา โกลบอล” เตรียมแผนขยายตลาดใหม่ รับมือเทรดวอร์ภาษีทรัมป์

เร่งเครื่องตลาดอินเดีย แก้เกมเศรษฐกิจโลกผันผวน

          "เอกา โกลบอล” ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหาร เผยกลยุทธ์เชิงรุกรับมือสงครามการค้าและนโยบายขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าหาโอกาสในตลาดใหม่ ลุยปั้นยอดขายตลาดอินเดียโต เพื่อขยายตลาดลดความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซ้าย)

        นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) แบรนด์คนไทยเบอร์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก เปิดเผยว่า ตลาดอินเดีย ยังคงเป็นตลาดที่มีโอกาสและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มเข้าลงทุนในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ปี 2562 และขยายการลงทุนก่อตั้งโรงงาน 1 แห่ง ที่เมืองปูเน่ และเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ด้วยกำลังการผลิต 300 ล้านชิ้นต่อปี เมื่อปลายปี 2567

       ที่ผ่านมา ตลาดอินเดียมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 30 – 40% ต่อปี และในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 50% ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายในอินเดียทั้งปี 2568 จะพุ่งสูงแตะ 400 กว่าล้านบาทได้

       สำหรับเป้าหมายระยะยาว 3 – 5 ปี บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 800 ราย จากปัจจุบันที่มีลูกค้าอยู่ราว 300 กว่าราย ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมจะพิจารณาตามสถานการณ์และสภาวะเศรษฐกิจ โดยโรงงานปัจจุบันมีพื้นที่ที่สร้างเผื่อไว้สำหรับการขยายไลน์ผลิตในอนาคตแล้ว

เปิดมุมมองผลกระทบจากนโยบายภาษี “ทรัมป์”

       นายชัยวัฒน์ ประเมินว่า ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตลาด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นสัดส่วนสูงกว่าครึ่งของจีดีพี และมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ กว่า 20 – 30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ส่วนกลุ่มลูกค้าของเอกา โกลบอล มีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ กว่า 70%

       “จากการพูดคุยกับกลุ่มลูกค้า พบว่าผลกระทบนี้อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากอัตราภาษีของไทยจบลงที่ 35 – 36% คาดการณ์เบื้องต้นจะทำให้ยอดขายมีโอกาสลดลงไม่ต่ำกว่า 10 – 15% ซึ่งไทยจะเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านเพราะสัดส่วนภาษีสูงกว่า ทำให้แข่งขันได้ยาก”

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ และกลุ่มลูกค้ายังคงเฝ้าติดตามและรอให้การเจรจาภาษี ทรัมป์ ของแต่ละประเทศนิ่งและได้ตัวเลขอัตราภาษีสุดท้ายก่อน เพื่อปรับกลยุทธ์และเตรียมโซลูชันไว้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

       สำหรับเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีนี้ เอกา โกลบอล ตั้งไว้ที่ 1,400 ล้านบาท แม้ว่าภาพรวมยอดขายครึ่งปีแรกยังคงเติบโตได้ดีตามเป้ากว่า 10 – 15% จากปีก่อน แต่ด้วยสถานการณ์สงครามภาษีของทรัมป์ที่ยังไม่สิ้นสุดลง ทำให้ยังมองภาพได้ไม่ชัดเจนนัก อาจมีการพิจารณาลดเป้าลงตามสถานการณ์

กลยุทธ์ระยะสั้นและยาว รับมือความไม่แน่นอน

       มุมมองในระยะสั้น 3 เดือนนี้ ผลกระทบจากภาษีทรัมป์จะยังไม่ส่งผลต่อยอดขายโดยตรง เนื่องจากภาษีทรัมป์เป็นเรื่องที่ทุกประเทศได้รับผลกระทบ ขณะที่ เอกา โกลบอล จะมีคำสั่งซื้อล่วงหน้า โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ที่เน้นบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูง ทำให้การปรับเปลี่ยนคำสั่งสินค้าไปประเทศใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

      อย่างไรก็ดี เอกา โกลบอล จะประเมินสถานการณ์เป็นระยะสั้น ๆ 2 – 3 เดือน ไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องภาษีทรัมป์ หลังจากนั้น ในระยะยาว บริษัทฯ จะประเมินและวางแผนรับมือร่วมกันกับกลุ่มลูกค้าอีกครั้งว่าจะมีการปรับกลยุทธ์การส่งออกไปยังสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อย่างไร

เดินหน้าขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศ

        ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เผชิญความท้าทายจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากสงครามภาษีของทรัมป์ บริษัทฯ เตรียมลุยทำการตลาดในประเทศอินเดียมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสขยายตัวได้ดี ตลาดอินเดียแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นภาษีของทรัมป์ เนื่องจากอินเดียเน้นการขายภายในประเทศเป็นหลักกว่า 80% ซึ่งทำให้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงในส่วนนี้

        นอกจากนี้ เอกา โกลบอล ยังมองหาโอกาสขยายตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก เพราะการส่งออกจากอินเดียไปตะวันออกกลางจะไม่มีภาษี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มศึกษาตลาดนี้แล้วและคาดว่าหากสำเร็จจะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ภายใน 2 – 3 ปี

“เราเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหารที่มีนวัตกรรมสูง ซึ่งการเข้าไปทำตลาดใหม่ ๆ เราจะทำการศึกษาทำงานวิจัยและพัฒนาร่วมกับลูกค้า คาดว่าจะใช้เวลา 2 – 3 ปี จึงจะทราบผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าสามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ได้สำเร็จหรือไม่” นายชัยวัฒน์ กล่าวปิดท้าย

..........................................................................................................................

สื่อมวลชนติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง จำกัด
ดรรชนี นวลเขียว (มุ้ม)          โทร. 097-919-6546, This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ศิมาภรณ์ แสนสิงห์ (กระแต)   โทร. 092-279-4963, This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 

 

Page Visitor

018093782
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
10149
14820
64177
116962
583394
18093782
Your IP: 216.73.216.168
2025-10-08 14:36
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.