PLANET ปลื้ม ธุรกิจใหม่ ดันผลงาน Q2/65 รายได้ – กำไรพุ่ง มั่นใจจากนี้ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
PLANET โชว์ Q2/65 ธุรกิจใหม่ Cyber Security และงานบริหารจัดการนํ้า ดันรายได้โต 80.64% - กำไรพุ่ง บิ๊กบอส "ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์" ปลื้มผลงานบริษัทฯเติบโตตามแผนขยายการลงทุน แถมคุมค่าใช้จ่ายดี รับมือความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างแข็งแกร่ง มั่นใจจากนี้ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 191.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.28 ล้านบาท หรือ 80.64% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีรายได้จากการดําเนินงาน 105.75 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายงานโครงการในธุรกิจด้านสาธารณูปโภคมูลค่า 69.02 ล้านบาท ของบริษัทย่อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี
“จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มธุรกิจเดิม เช่น Cyber Security และการดำเนินงานตามแผนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่อย่างการบริหารจัดการด้านสาธารณูปโภค เช่น โครงการบริหารจัดการนํ้า ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 80.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการทั้งสิ้น 303.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.86 ล้านบาท หรือ 59.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” นายประพัฒน์กล่าว
นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นี้ จะมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยเงินบาทไทยปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจำนวนมาก แต่ด้วยนโยบายการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ จึงทำให้บริษัทฯ สามารถรับมือกับความผันผวนและไม่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทนี้ และบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นี้ ได้ถึง 13.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.89 ล้านบาท ถึง 10.31 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการควบคุมค่าใช้จ่ายบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 และ ปี 2564 เท่ากับ 23.98 ล้านบาทและ 20.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 12.44 และ 18.84 ของรายได้รวมตามลำดับ สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเมื่อเทียบกับรายได้รวมปรับตัวลดลงจากไตรมาสเดียวกันปี 2564 เนื่องด้วยนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ยังคงแข็งแกร่งแม้ต้นทุนของการบริหารจัดการหลายรายการจะปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์เงินเฟ้อและราคานํ้ามันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ หลังจากนี้ มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เนื่องจาก แต่ละธุรกิจมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทให้ฯเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต” นายประพัฒน์กล่าว