November 23, 2024

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้คาดปี 66 ที่อยู่อาศัยแนวราบยังแรงไม่แผ่ว

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้คาดปี 66 ที่อยู่อาศัยแนวราบยังแรงไม่แผ่ว ราคาส่อแววเพิ่ม จับตาอสังหาฯ แนวดิ่ง หลังดีมานด์ซื้อ-เช่าคอนโดฯ โตต่อเนื่อง 

หลังจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานและวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ผนวกกับภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย สรุปภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยบ้านแนวราบยังครองความนิยม ส่งผลให้ดัชนีราคาและดัชนีค่าเช่าเติบโตต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ จากภาครัฐ รวมทั้งการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศให้กลับมามากขึ้น 

 

ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 65 ที่อยู่อาศัยแนวราบยังแรง ราคาซื้อ-เช่าโตต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุดจากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Outlook 2566 พบว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน (QoQ) มาอยู่ที่ 82 จุด แต่ลดลงจากปีก่อนหน้า (YoY) อยู่ 3% และลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 (ก่อนการแพร่ระบาดฯ) ถึง 22%  

 

  • บ้านเดี่ยวยืนหนึ่งอสังหาฯ ประเภทเดียวที่ราคาเพิ่ม เมื่อแยกตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่า บ้านเดี่ยวมีแนวโน้มดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 6% YoY และเพิ่มขึ้นถึง 18% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ สวนทางกับทาวน์เฮ้าส์ที่ลดลง 2% YoY และลดลง 3% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ ขณะที่ดัชนีราคาคอนโดฯ ยังทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ พบว่าลดลงถึง 16%

ส่วนทำเลที่มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ และพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก ได้แก่ เขตทวีวัฒนา และเขตตลิ่งชัน ที่ได้อานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ส่งผลให้ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นถึง 16% YoY ตามมาด้วยเขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้น 7% YoY ขณะที่เขตดินแดง, เขตหนองจอก, เขตหนองแขม และเขตพระโขนง เพิ่มขึ้นเท่ากันที่ 6% YoY 

 

 

  • ค่าเช่าแนวราบโต สวนทางภาพรวมทุกประเภทลดลง 3% ตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อเช่ายังตรึงราคาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจเช่าท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมดัชนีค่าเช่าในกรุงเทพฯ ลดลง 3% YoY และลดลงถึง 14% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ อย่างไรก็ดี จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของที่อยู่อาศัยแนวราบส่งผลให้ดัชนีค่าเช่าในกลุ่มนี้เติบโตตามไปด้วย โดยบ้านเดี่ยวมีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้น 11% YoY และเพิ่มขึ้นถึง 41% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ ด้านทาวน์เฮ้าส์ก็เติบโตเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 8% YoY และเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ สวนทางกับคอนโดฯ ที่ดัชนีราคาลดลง 1% YoY และลดลง 13% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ 

 โดยค่าเช่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทำเลศักยภาพ อาทิ แนวรถไฟฟ้าที่เป็นแหล่งงาน โดยทำเลที่ดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ เขตสะพานสูง และเขตหลักสี่ เพิ่มขึ้นถึง 11% YoY ตามมาด้วยเขตคลองสามวา และเขตบางเขน เพิ่มขึ้น 10% YoY, เขตดอนเมือง เพิ่มขึ้น 9% YoY ส่วนเขตลาดพร้าว และเขตมีนบุรี เพิ่มขึ้น 8% YoY 

 

ดีมานด์ซื้อ-เช่าคอนโดฯ พุ่ง ปลุกตลาดอสังหาฯ แนวดิ่ง

หากโฟกัสไปที่ความต้องการซื้อพบว่าเติบโตถึง 16% YoY และเพิ่มจากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ ถึง 58% โดยความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นในทุกรูปแบบที่อยู่อาศัย คอนโดฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุด 21% YoY ตามมาด้วยทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 14% YoY และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 5% YoY 

จะเห็นได้ว่าที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับความนิยมเนื่องจากตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค New Normal ทำให้ความต้องการซื้อเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยบ้านเดี่ยวมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 76% และทาวน์เฮ้าส์ เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ

ความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเงินเป็นปัจจัยผลักดันให้ตลาดเช่าได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการเช่าคอนโดฯ เพิ่มสูงถึง 167% YoY และเพิ่มขึ้นถึง 272% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ เนื่องด้วยคอนโดฯ สามารถโยกย้ายทำเลได้ง่าย จึงตอบโจทย์การใช้ชีวิตของวัยทำงานและวัยเรียนในเมืองหลวงมากกว่า รองลงมาคือบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น 12% YoY เพิ่มขึ้น 67% จากช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ มีเพียงทาวน์เฮ้าส์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยรูปแบบเดียวที่ความต้องการเช่าลดลง 6% YoY แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดฯ พบว่าความต้องการเช่ายังเพิ่มขึ้นถึง 51% 

ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study พบว่า ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (57%) วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 1 ปีข้างหน้านี้ ส่วน 7% ยังคงเลือกเช่าที่อยู่อาศัยต่อไป ขณะที่กว่า 1 ใน 3 (35%) ยังไม่มีแผนซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยใด ๆ 

เมื่อพิจารณาข้อมูลในฝั่งผู้เช่าพบว่ามีเพียง 1 ใน 3 (33%) ที่มีแผนจะเช่าต่ออีก 2 ปีก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สะท้อนให้เห็นว่าแม้ผู้บริโภคจะมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากเพียงใด แต่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเก็บออมและเตรียมความพร้อมทางการเงินพอสมควร ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยใด ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความท้าทายเช่นนี้ 

 

ความท้าทายที่น่าจับตามอง ตลาดอสังหาฯ ปี 66 พร้อมฟื้นจริงหรือไม่? 

รายงาน DDproperty Thailand Property Market Outlook 2566 รวบรวมข้อมูลเชิงวิเคราะห์ในหลายแง่มุมจากข้อมูลบนเว็บไซต์ DDproperty.com เผยคาดการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นตัว หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 โดยมีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้คาดว่าจะมีจำนวนอุปทานใหม่ ๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2566 โดยเฉพาะสินค้าประเภทแนวราบ เพื่อตอบรับกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และมีกำลังซื้อเพียงพอ 

อย่างไรก็ดี ปี 2566 ยังถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับผู้ซื้อ เนื่องจากระดับราคาอสังหาฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐบางส่วนได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปลายปี 2565 แล้ว ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมทางการเงินและมีวินัยทางการเงินมากพอสมควร โดยมีความท้าทายที่ควรจับตามองก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ดังนี้   

  • ราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มตามต้นทุนใหม่ ปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวขึ้น และต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งราคาพลังงานซึ่งเป็นทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการขนส่ง ส่งผลให้ราคาอสังหาฯ ในปี 2566 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นต้นทุนเดิมได้มีการดูดซับไปแล้วบางส่วนในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2566 ส่วนใหญ่จะเป็นการคำนวณราคาจากต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการปรับราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการซื้อ-ขายอสังหาฯ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะโครงการที่เปิดใหม่ในปี 2566 มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-10% แต่ยังไม่กระทบกับที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จพร้อมขาย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่เป็นต้นทุนเดิมของผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาสของบ้านมือสองหรือผู้ที่มีบ้านในราคาต้นทุนเดิมที่อยากจะนำออกมาขายในช่วงนี้เช่นกัน 

  • การเงินต้องพร้อมรับสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแต่ภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องส่งค่างวดสูงขึ้นกว่าเดิม หรือใช้เวลาในการผ่อนชำระนานมากขึ้น ผนวกกับการที่สถาบันการเงิน/ธนาคารส่งสัญญาณจะยกเลิกหรือลดจำนวนปีของอัตราดอกเบี้ยคงที่ลง ทำให้ผู้กู้ซื้อบ้านต้องพิจารณาสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ และจะต้องมีวินัยทางการเงินมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก นอกจากนี้ คาดว่าสถาบันการเงิน/ธนาคารจะมีหลักเกณฑ์พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้น หรือวงเงินกู้ที่ผ่านการอนุมัติอาจได้รับลดลง แปรผันตามความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ซื้อปัจจุบัน

  • มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ดึงดูดใจไม่มากพอ มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ของภาครัฐในช่วงที่มีการแพร่ระบาดฯ ที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไม่ขยายเวลาผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) ที่ให้ผู้กู้ซื้อบ้านสัญญาแรก และราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท สามารถกู้ได้ 100% ของมูลค่าที่อยู่อาศัย ซึ่งสิ้นสุดลงในช่วงสิ้นปี 2565 ประกอบกับการที่คณะรัฐมนตรีมีมติต่อมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% ของราคาประเมินหรือราคาขาย (มาตรการก่อนหน้าลดเหลือเพียง 0.01%) และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% จากยอดเงินกู้ สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้มาตรการสนับสนุนการซื้ออสังหาฯ ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการเติบโตของตลาดในปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงต้องเผชิญความท้าทายทางการเงินทั้งจากเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น มาตรการฯ ปัจจุบันจึงยังไม่ครอบคลุมความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และตอบโจทย์ของผู้บริโภคเท่าที่ควร

 

อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ยังพบว่า 3 มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ที่ผู้บริโภคคาดหวังจากภาครัฐเพื่อช่วยสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงภาวะเงินเฟ้อสูงนั้น มากกว่าครึ่ง (62%) ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเพิ่มเติม และต้องการมาตรการลดดอกเบี้ยทั้งสินเชื่อบ้านที่กู้ใหม่และที่มีอยู่เดิม (58%) ขณะที่อีก 44% คาดหวังว่าจะมีมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มคนที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยมาก่อนได้มีโอกาสซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมากขึ้น

หมายเหตุ: DDproperty Thailand Property Market Outlook เป็นรายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่วิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางตลาดอสังหาฯ จากการรวบรวมข้อมูลดัชนีราคา (Price Index) และดัชนีความต้องการ (Demand Index) ของที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆ ทั้งในตลาดซื้อ-ขาย และตลาดเช่า รวมไปถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Sentiment) ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา นำมาวิเคราะห์ต่อยอด เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้เช่าอสังหาฯ หรือนักลงทุนได้เข้าใจถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาฯ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถวางแผนหรือตัดสินใจซื้อ-ขาย-เช่าได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

อ่านและศึกษาข้อมูลภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 ฉบับเต็มได้จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Outlook 2566

 

Page Visitor

012553630
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
7326
19290
114923
361421
432245
12553630
Your IP: 3.14.135.82
2024-11-23 09:16
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.