กลุ่มไทคอนควักกระเป๋า 8,000 ลบ.รุกปีม้ารับ AEC
กลุ่มไทคอนทุ่มงบ 8,000 ลบ. เดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่มทั้งซื้อที่ดินทำเลยุทธศาสตร์ การพัฒนาและก่อสร้างโครงการเต็มสูบ พร้อมตั้งเป้าปีนี้ขยายพื้นที่เช่าให้ได้ 250,000 ตร.ม.
คุณปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือทีพาร์ค ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทคอนดำเนินธุรกิจให้เช่าในรูปแบบคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้ (Ready- Built Warehouses) และคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit Warehouses) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนของกลุ่มไทคอนในปี 2557 ว่าได้ตั้งงบลงทุน 8,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อที่ดินในทำเลยุทธศาสตร์ 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาทจะใช้ในการพัฒนาและก่อสร้างโครงการ
สำหรับในปีนี้จะเน้นการก่อสร้างคลังสินค้าเป็นหลัก เนื่องจากในปีที่ผ่านมาได้มีการซื้อที่ดินไว้เป็นจำนวนมากทั้งที่ภาคอีสาน (ขอนแก่น) ภาคใต้(สุราษฏร์ธานี) และสมุทรปราการ (บางพลี) โดยจะเริ่มที่จังหวัดขอนแก่นเป็นที่แรกบนพื้นประมาณเกือบ 200 ไร่เพราะความต้องการในด้านการเช่าคลังสินค้ามีค่อนข้างสูง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในกลางปีนี้และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในต้นปี 2558
ส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพื้นประมาณ 70 ไร่ จะเริ่มออกแบบภายในปีนี้และแผนการก่อสร้างกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตัดสินใจ คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ในราวปลายปีนี้ โดยทั้งสองแห่งจะดำเนินการเป็นเฟสและทยอยนำสินค้าออกมาให้เช่า ส่วนในปี 2557 จะมีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมในภาคเหนือโดยอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพิจารณาว่าจะเลือกจังหวัดใดระหว่างลำพูน ลำปางและเชียงใหม่
คุณปธานกล่าวต่อว่าวัตถุประสงค์ของการลงทุนในครั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นและรับตลาด AEC โดยจุดแข็งของทีพาร์คคือการมีสถานที่หลายๆ แห่งไว้รองรับอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันก็มีสถานที่ทั้งหมด 29 แห่ง ซึ่งบางแห่งอาจจะมีพื้นที่ไม่พอแต่จะมีการขยายเพิ่มเติมในอนาคต
รวมทั้งรองรับการขยายตัวของธุรกิจของกลุ่มไทคอนซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เนื่องจากปัจจุบัน ลูกค้านิยมเช่าพื้นที่คลังสินค้ามากกว่าที่จะสร้างเอง โดยบริษัทต่างชาติเน้นการเช่าอยู่แล้ว ประกอบกับขณะนี้ผู้ประกอบการคนไทยเริ่มมีการเช่าพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ด้านหลักเกณฑ์ในการพิจารณาการเลือกสถานที่ในการดำเนินโครงการจะพิจารณาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลักว่ามีความต้องการอย่างไร ทั้งนี้จากการสำรวจความต้องการลูกค้าในวังน้อยและบางพลีปัจจุบันพบว่าจะมีความต้องการในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น
ส่วนแผนการลงทุนในต่างประเทศนอกจากจะแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศแล้วยังจะขยายสู่ภูมิภาคเอเชียร่วมด้วย โดยล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการคลังสินค้าที่ประเทศเวียดนามและประเทศเมียนร์มา สำหรับเหตุผลที่จะเข้าไปลงทุนใน 2 ประเทศดังที่กล่าวมา เนื่องจากมีการขยายตัวของเศรษฐกิจค่อนข้างสูงในอนาคต โดยประเทศเวียดนามจะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนประเทศเมียนร์มาเพิ่งจะเปิดประเทศ ดังนั้นความต้องการหลายๆ อย่างน่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับในปี 2557 ทีพาร์คตั้งเป้าขยายพื้นที่เช่าให้ได้ 250,000 ตารางเมตร โดยพื้นที่จะปล่อยให้เช่าหลักๆ จะเป็นที่วังน้อย บางพลีและแหลมฉบัง ส่วนในภูมิภาคคาดว่าจะรับรู้ได้ในปีหน้า โดยคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ เพราะขณะนี้มีหลายโปรเจคที่คุยกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มของธุรกิจที่ดำเนินอยู่ยังสามารถเติบโตได้ดี ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากสถานการณ์ทางการเมือง
ส่วนจุดเด่นของบริษัทคือรูปแบบคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้และคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ ซึ่งจะมีการพัฒนาคลังสินค้าแบบพร้อมใช้ในหลากหลายรูปแบบและขนาดเมื่อลูกค้าเข้ามาเลือกก็จะสามารถตัดสินใจเช่าได้ทันที
“เมื่อลูกค้าตัดสินใจเช่าก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ภายใน 1-2 เดือน ทำให้ง่ายต่อการดำเนินงาน นอกจากนี้เรายังมีพื้นที่รองรับสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจเพิ่มได้ตามความต้องการเพื่อให้ง่ายและสะดวกสำหรับลูกค้า” คุณปธานกล่าว
ด้านหลักการบริหารตนจะมองถึงเรื่องทีมเวิร์ค การสื่อสาร เป็นหลัก โดยจะมีการประชุมทำความเข้าใจเพื่อให้เป้าหมายของบริษัทเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งการหาแนวทางในการแก้ปัญหาและการหาข้อสรุปที่ดีเพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้จะเน้นการให้ความเป็นกันเองแก่พนักงานเพื่อให้สามารถคุยและแก้ปัญหาร่วมกันและมีการวางแผนในอนาคตเพื่อเตรียมแผนรองรับในทุกๆ เรื่อง
คุณปธานกล่าวต่อว่าการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC จะเป็นผลดีกับประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเทศไทยจะมีจุดแข็งและโอกาสในหลายด้าน ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายไปยังภูมิภาคซึ่งนับเป็นการเชื่อมโยงในการทำธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีกทางหนึ่ง ส่งผลให้การเปิดตลาดกว้างมากขึ้นสามารถต่อยอดธุรกิจได้หลายด้าน