November 22, 2024

47 ปี อิตัลไทยวิศวกรรม ประกาศบุกตลาดเต็มร้อย / Issue 023, December 2014

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

47 ปี อิตัลไทยวิศวกรรม ประกาศบุกตลาดเต็มร้อย

อิตัลไทยวิศวกรรมตอกย้ำความสำเร็จ 47 ปี  ระบุมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน หนุนรุกตลาดเต็มพิกัด คาดปีนี้รายได้จบที่ 3,200 ลบ. วางเป้าปีหน้าพุ่ง 4,600 ลบ. มั่นใจตัวเลขเข้าเป้าด้วยปัจจัยบวก ลั่นอีก 5 ปีข้างหน้าเติบโตแบบก้าวกระโดดดันรายได้ทะยานสู่ 7,000 ลบ.

คุณเกษม มาไกรเลิศ รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคุณวรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด หรือ  (ITALTHAI Engineering : ITE)  หนึ่งในบริษัทผู้นำตลาดทางด้านวิศวกรรม ภายใต้ “อิตัลไทย กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ในปี 2557 บริษัทดำเนินธุรกิจครบรอบ 47 ปี ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าองค์กรที่ดำเนินธุรกิจยาวมานานเช่นนี้ย่อมไม่ธรรมดา จะต้องมีจุดแข็งและเรื่องราวต่างๆ มากมาย รวมทั้งมีความสำเร็จมากมายเช่นกัน

โดยได้ผ่านความยากลำบากในช่วงวิกฤตปี 2540 ซึ่งสามารถฟื้นตัวกลับมาได้และมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม หรืออาจกล่าวได้ว่า ณ จุดปีที่ 47 บริษัทมีความมั่นใจว่ามีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งในแง่ของบุคลากร เงินทุน ประสบการณ์ และเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“จุดที่ทำให้เราอยู่ได้ถึง 47 ปีคือความรู้ทางด้านวิศวกรรม ซึ่งเดิมทีเรามีความชำนาญเฉพาะด้าน แต่สิ่งที่เราเพิ่มขึ้นมาในปีที่ 47 คือเราได้แตกแขนงความชำนาญเฉพาะด้านออกไปอีกเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว” ผู้บริหารกล่าว

สำหรับเป้าผลประกอบการรวมของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะจบอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 30% จากเดิมที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4,000 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากสถานการณ์ทางการเมืองเช่นเดียวกับที่หลายๆ บริษัทประสบในช่วงที่ผ่านมา ส่วนในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 4,600 ล้านบาท หรือเพิ่มจากปีนี้ประมาณ 30%

“ตัวเลข 4,600 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีหน้านับเป็นสิ่งท้าทาย แต่เราเชื่อมั่นว่ามีความเป็นไปได้ เพราะมีปัจจัยบวกสนับสนุน เช่น ขณะนี้เรามี Backlog กว่า 5,000 ล้านบาท โดยหลักๆ จะมาจากงานกลุ่มพลังงานทดแทนมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท เช่น โครงการพลังงานลม เป็นต้น นอกจากนั้นจะกระจายมาจากกลุ่มอื่นๆ อาทิ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าย่อย มูลค่า 1,000 ล้านบาท, งานระบบอาคารต่างๆ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และกลุ่มอื่นๆ 

นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา เราได้ลงทุน 75 ล้านบาทเพื่อซื้อที่พร้อมเวิร์คช็อป (โรงงานอุตสาหกรรมขนาดย่อม) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของเราที่จังหวัดระยองใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพราะเรามีกลุ่มลูกค้ากลุ่มปิโตรเคมีเป็นจำนวนมาก โดยเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าหากเขามีปัญหา เราจะช่วยแก้ไขและให้คำปรึกษาได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับลูกค้าอีกด้วย  พร้อมทั้งคาดว่าจะสามารถเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมีได้อีกเป็นจำนวนมาก

รวมทั้ง เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ อย่างเช่น การขยายธุรกิจใหม่ โดยการจัดตั้งฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมา ประกอบกับแผนในปีหน้า เราเตรียมขยายการลงทุนไปยังประเทศเมียนมาร์อย่างจริงจังในส่วนของงานระบบอาคารและสาธารณูปโภค เพราะเมียนมาร์ยังขาดความชำนาญ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการลงทุน โดยตั้งใจให้เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองรองจากประเทศไทย  ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งทีมงานเข้าไปศึกษาการตลาด, บรรยากาศการลงทุน,  ซัพคอนเทคเตอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นต้น โดยคาดหวังจะมีรายได้ไม่น้อยกว่าฝ่ายอื่นๆ หรือ 1,000  ล้านบาท/ปี โดยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ตัวเลขรายได้ในปีหน้าเข้าเป้าอย่างแน่นอน” ผู้บริหารกล่าว

นอกจากนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2562 บริษัทมองว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการหรือผลกำไร โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท  ซึ่งจะแตกต่างกับที่ผ่านมาที่มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง โดยในปี 2555 ที่ผ่านมารายได้รวมอยู่ที่ประมาณ  1,000  ล้านบาท ต่อจากนั้นมีอัตราการเติบโตเพิ่มมาอย่างต่อเนื่อง 

ด้านแผนการการตลาดในปี 2558 ผู้บริหารกล่าวว่า บริษัทได้มีการจัดทำกลยุทธ์ของแต่ละฝ่ายเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งแต่เดิมบริษัทแบ่งหน่วยงานออกเป็น 4 ฝ่ายตามอุตสาหกรรมและความชำนาญเฉพาะด้าน ประกอบด้วย ฝ่ายสถานีไฟฟ้าย่อย, ฝ่ายพลังงานทดแทน, ฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมและฝ่ายงานระบบอาคาร ล่าสุด บริษัทได้จัดตั้งฝ่ายใหม่เพิ่มอีก 2 ฝ่ายคือฝ่ายงานโยธา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการรับงานได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยสามารถรับงานแยกได้โดยไม่ต้องไปผูกกับผู้รับเหมารายอื่นๆ และเน้นลูกค้าภาคเอกชนเป็นหลัก รวมทั้ง ฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีทั้งหมด 6 ฝ่าย ซึ่งจะส่งผลให้ในปีหน้า บริษัทมีความพร้อมที่จะรุกตลาดได้อย่างเต็มที่

ผู้บริหารกล่าวต่อถึงรายละเอียดของฝ่ายเทคโนโลยีน้ำว่า ประกอบด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์ ทั้งทางด้านการออกแบบ, ก่อสร้างและติดตั้งระบบ, การทดสอบและติดตามผล รวมถึงการให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มผลผลิตให้แก่ลูกค้า โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ภายใน 5 ปี 1,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักจะเน้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำและกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น การประปานครหลวง, การประปาภูมิภาค, อุตสาหกรรมปิโตรเคมี, ปูนซิเมนต์, ยาง, อาหารและเครื่องดื่ม, กระดาษ, โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น

“ในการเริ่มต้นของธุรกิจนี้ เราจะต้องดูทิศทางของตลาดและเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะมีปัจจัยต่างๆ ประกอบ อย่างเช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง เป็นต้น เพราะฉะนั้น เราจึงมองภาพรวมว่าภายใน 5 ปีจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะเจาะจงว่าในแต่ละปีจะมีรายได้เท่าใด ส่วนเป้าหมายจะเน้นกลุ่มลูกค้าเอกชนภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพราะเป็นธุรกิจที่เรามีความเชี่ยวชาญและมีความได้เปรียบสูง โดยลูกค้าทั้งในและต่างประเทศล้วนแต่รู้จักเราและให้การตอบรับเป็นอย่างดี” ผู้บริการกล่าว

สำหรับจุดเด่นของฝ่ายเทคโนโลยีน้ำคือมีบุคลากรที่มีประสบการณ์สูงในด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำ พร้อมทีมงานก่อสร้างที่มีประสบการณ์ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจรในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานที่เน้นคุณภาพความละเอียด และความปลอดภัยในการทำงานสูงภายในการทำงานที่เร่งรัด (Fast Track) เช่น ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมทั้งยังสามารถดำเนินการแบบ One Stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษา, ออกแบบ, ก่อสร้างและติดตั้งระบบ, ทดสอบและติดตามผล เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า

ผู้บริหารกล่าวต่อว่า ปัจจุบัน สัดส่วนการรับงานของบริษัทจะมาจากภาคเอกชน 70% ส่วนอีก 30% จะมากลุ่มภาครัฐ คือ การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะมีการปรับเปลี่ยนลดหลั่นกันลงมาเล็กน้อย โดยในส่วนของงานจากภาครัฐจะลดเหลือ 25% ส่วนงานจากภาคเอกชนจะเพิ่มเป็น 75% เนื่องจากการปริมาณงานรวมจะเพิ่มมากขึ้นจากการขยายธุรกิจอีก 2 ฝ่ายซึ่งจะเน้นงานภาคเอกชนเป็นหลัก 

สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ผู้บริหารกล่าวว่าจะมองใน 2 ด้าน โดยสิ่งที่คาดหวังคือเม็ดเงินจากนักลงทุนสัญชาติอื่นเพิ่ม  นอกเหนือจากนักลงทุนญี่ปุ่นที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยในสัดส่วนที่สูงมาก รวมทั้ง การเสาะแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการเข้าไปทำตลาดในประเทศอื่นๆ อย่างเช่น เมียนร์มาร์ เป็นต้น

ส่วนด้านที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากประเทศไทยยังเนื้อหอมในด้านการลงทุน เพราะมีศักยภาพในหลายๆ ด้าน ดังนั้นจึงทำให้เกิดการแข่งสูง โดยจะทำให้มีผู้รับเหมาสัญชาติอื่นหลั่งไหลเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นจำนวนมากในลักษณะของการหาพันธมิตร ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะสูง แต่บริษัทยังสามารถมองโอกาสอื่นๆ ได้ อย่างเช่น การแลกเปลี่ยนโนฮาว ซึ่งเป็นสิ่งน่าสนใจมาก รวมทั้งจะเป็นการกระตุ้นให้บริษัทเพิ่มศักยภาพในการแข่งอีกด้วย 

ผู้บริหารกล่าวถึงสิ่งที่อยากจะฝากถึงลูกค้าในตอนท้ายว่า จากการที่บริษัทจัดตั้งฝ่ายเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่ ด้วยความตั้งใจที่จะเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความพร้อมในด้านบุคลากรและสาขาของงานทางด้านวิศวกรรม ซึ่งคาดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดีในทุกๆ แขนง 

นอกจากนี้ อยากให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องคุณภาพของการทำงานของบริษัท โดยมีมาตรฐานการทำงานและความปลอดภัยที่สูงกว่าที่กฎหมายระบุ และมีการส่งมอบงานตามระยะเวลาที่กำหนด อีกทั้ง ยังคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมทั้ง ยังมีจุดแข็งด้านการเงินโดยสามารถสามารถบริหารในเรื่องการเงินได้เป็นอย่างดีมาก ดังนั้น ลูกค้าจึงไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องเงินลงทุนของบริษัทแต่อย่างใด

Page Visitor

012536724
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
9710
18787
98017
344515
432245
12536724
Your IP: 18.221.68.196
2024-11-22 11:03
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.