May 18, 2024

อิตัลไทย เทรวี่ตุน Backlog กว่า 1,800 ลบ.

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

อิตัลไทย เทรวี่ตุน Backlog กว่า 1,800 ลบ.

อิตัลไทย เทรวี่โชว์ Backlog มูลค่ากว่า 1,800 ลบ. คาดการณ์รายได้ปีนี้ 1,350 ลบ. มั่นใจปี 2563 งานล้นมือ ดันผลประกอบการพุ่ง 1,400 - 1,650 ลบ. พร้อมประกาศ 38 ปีแห่งความสำเร็จ ติดอันดับ 1 ใน 5 ธุรกิจฐานรากเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ในประเทศไทย

คุณเอกชัย พงษ์พัว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิตัลไทย เทรวี่ จำกัด

คุณเอกชัย พงษ์พัว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิตัลไทย เทรวี่ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog มูลค่า 1,850 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากหลากหลายโครงการ อาทิ 1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงสัญญาที่ 3 หัวหมาก-คลองบ้านม้า โดยรับผิดชอบในส่วนงานใต้ดินเป็นหลัก เช่น งานเสาเข็มเจาะ และกำแพงกันดิน เป็นต้น  ขณะนี้มีความคืบหน้ากว่า 80% โดยมีมูลค่างาน (เฉพาะค่าแรง) ประมาณ 780 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบงานให้แก่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ประมาณเดือนเมษายน 2563  

2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยลักษณะงานประกอบด้วย งานเสาเข็มเจาะเหลี่ยม เสาเข็มเจาะกลม และงานปรับปรุงดิน มูลค่างาน (เฉพาะค่าแรง) ประมาณ 407 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้า 65% คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบงานให้แก่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในเดือนมิถุนายน 2563

3. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยรับผิดชอบดำเนินการบริเวณอุโมงค์ลอดใต้สะพาน ใกล้ๆ แยกพัฒนาการ มูลค่างาน (เฉพาะค่าแรง) ประมาณ 77 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าประมาณ 40% คาดจะแล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบงานให้แก่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในช่วงปลายปี 2563

4. โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-มาบกะเบา โดยบริษัทรับผิดชอบงาน  2 ส่วน ประกอบด้วย งานยูเทิร์น และงานทางยกระดับ มีมูลค่างานรวม (เฉพาะค่าแรง) ประมาณ 330 ล้านบาท โดยแล้วเสร็จเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

ขณะที่ รายได้ในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 1,350 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มเฉลี่ย 8-15% ส่วนในปี 2563 คาดการณ์ว่ารายได้จะขยับเพิ่มเป็น 1,400-1,650 ล้านบาท โดยมีงานที่รอรับรู้รายได้หรือ Backlog ในปี 2563 เบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 1,125 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานที่รอประมูลอีกหลายโครงการ ซึ่งจะส่งผลให้มีงานที่รอรับรู้รายได้หรือ Backlog เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับโครงการที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงปลายปี 2562 และต่อเนื่องไปจนถึงในช่วงต้นปี 2563 อาทิ 1. โครงการทางยกระดับบนทางหลวง 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ของกรมทางหลวง ช่วงสัญญาที่ 3 มูลค่า 227 ล้านบาท (เฉพาะค่าแรง) โดยปัจจุบันบริษัทได้เริ่มส่งเครื่องจักรเข้าไปในพื้นที่แล้ว 

2. โครงการทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตกของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ช่วงสัญญาที่ 2 มูลค่าประมาณ 207 ล้านบาท (เฉพาะค่าแรง) คาดว่าประมาณปลายเดือนธันวาคม 2562 จะเริ่มดำเนินการได้ และ 3. โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา สัญญาที่ 4-5 บ้านโพ-พระแก้ว มูลค่า 625 ล้านบาท (เฉพาะค่าแรง) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2563

“ในปี 2563 คาดว่า งานเราล้นมืออย่างแน่นอน เนื่องจาก เรามีแนวโน้มที่จะได้รับงานอีกโครงการหนึ่งของรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ถึงแม้ว่างานจะล้นมือแต่เราก็ไม่กังวล เพราะจะมีการเชิญบริษัทพันธมิตรที่มีศักยภาพและมีคุณภาพเข้ามาร่วมทำงานด้วย” คุณเอกชัยกล่าว

คุณเอกชัย กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทดำเนินธุรกิจครบรอบ 38 ปี ซึ่งในช่วงแรกบริษัทมีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท แต่ปัจจุบันได้ขยายเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 80 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตของบริษัท ทั้งในแง่ของปริมาณงานและรายได้ต่อปี เนื่องจาก บริษัทมีการขยายทั้งเครื่องจักรและจำนวนบุคลากร

“ปัจจุบัน เรามีความพึงพอใจในการเติบโตของอิตัลไทย เทรวี่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้ต้องการที่จะเป็นที่ 1 ในธุรกิจ แต่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในโครงการที่ใหญ่ๆ ในหลายๆ โครงการ รวมทั้ง ต้องการให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของตลาด พร้อมทั้ง ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ที่ต้องปฏิบัติ ได้แก่ 1.ต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง 2.ต้องเป็นที่รู้จักในตลาด และ 3.การดำเนินธุรกิจจะต้องมีกำไร” คุณเอกชัยกล่าว

ด้านจุดเด่นขององค์กรที่ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการคุณภาพต่างๆ มายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ประกอบด้วย บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศจากบริษัท เทรวี่ เอส.พี.เอ เข้ามาเป็นพันธมิตร ซึ่งจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องงานฐานรากโดยเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานที่ดี โดยมีบริษัทแม่ คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่มีความแข็งแกร่งในวงการรับเหมาก่อสร้างและได้ส่งมอบงานให้บริษัทดำเนินการมาอย่างเนื่อง

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน บริษัทยังติด 1 ใน 5 ของธุรกิจฐานรากเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย และได้ทำการพัฒนาปรับปรุงเครื่องจักรเป็นประจำ พร้อมทั้งขยายปริมาณเพิ่มเสมอมา ซึ่งในแต่ละปี บริษัทมีการลงทุนในเรื่องเครื่องจักรประมาณ 200-300 ล้าน จึงส่งผลให้สามารถรองรับงานได้มากขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น

Page Visitor

010755203
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
1025
6107
34789
101919
147900
10755203
Your IP: 3.139.86.163
2024-05-18 05:34
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.