FSMART คว้ารางวัลหน่วยงานส่งเสริมการออมกับ กอช.
FSMART ผู้นำเครือข่ายบริการและรับชำระผ่านตู้อัจฉริยะ "บุญเติม" รับรางวัลหน่วยงานส่งเสริมการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยม ประจำปี 2562 สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการออมแบบสะดวกสบาย พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 3-5% พร้อมเดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ ดันผลประกอบการแตะ 5,000 ลบ. ในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า
คุณณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART
คุณณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ผู้นำเครือข่ายบริการและรับชำระผ่านตู้อัจฉริยะ "บุญเติม" กล่าวว่า บริษัทได้รับรางวัลประเภทหน่วยงานส่งเสริมการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยม ประจำปี 2562 โดยบริษัทได้ร่วมเป็นหนึ่งในทางการส่งเงินสะสมของสมาชิกผ่านตู้อัจฉริยะ "บุญเติม" ที่ให้บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 130,000 จุด ครอบคลุมพื้นที่ระดับหมู่บ้านถึงระดับจังหวัดที่จะช่วยสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการออมแบบสะดวกสบาย
โดยรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ สร้างความภาคภูมิใจให้แก่บริษัทเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คนไทย “รักการออม” ขณะเดียวกันยังสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทได้ร่วมสนับสนุนนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐเสมอมา นอกจากนี้ ลูกค้าของบริษัทยังได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ตู้อัจฉริยะ "บุญเติม" ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบประมาณ 20 ล้านคนที่ยังถือว่ามีการเข้าถึงข้อมูลการประชาสัมพันธ์น้อยมาก ซึ่งตู้บุญเติมสามารถสื่อสารให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย ๆ โดยการโฆษณาผ่านตู้ได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ
“เนื่องจากบุญเติมมีจุดแข็ง จากการที่มีตู้ให้บริการกว่า 130,000 ตู้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จึงทำให้การสื่อสารประชาสัมพันธ์หรือการรับชำระเงินสามารถเข้าถึงผู้คนได้เป็นจำนวนมาก ประกอบกับกลุ่มลูกค้าของเรากับกองทุนการออมแห่งชาติ หรือกอช. เป็นลูกค้ากลุ่มเดียวกัน คือแรงงานนอกระบบ รวมทั้งมีจุดประสงค์เดียวกันเพื่อให้คนไทยรู้จักออมเงิน จึงได้ร่วมมือกันมาประมาณปีกว่า ๆ แล้ว” คุณณรงค์ศักดิ์กล่าว
ส่วนโครงการในอนาคต เนื่องจาก ปัจจุบันขั้นตอนในการออมเงินมี 2 ขั้นตอน คือ การลงทะเบียนและการจ่ายเงินสะสม ซึ่งช่องทางการลงทะเบียนในปัจจุบันมีน้อย ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้บริษัทสามารถดำเนินการได้ครบทั้ง 2 ขั้นตอน คือ ทั้งจุดลงทะเบียน และจุดจ่ายเงินสะสม โดยปัจจุบันโครงการนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าปี 2563 จะมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องด้วย บริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ซึ่งปัจจุบันได้ มีการพัฒนาตู้สำหรับเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร โดยสามารถพิสูจน์ตัวตนได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องไปดำเนินการที่ธนาคาร หรือตู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือ ที่ลูกค้าสามารถเลือกเบอร์มือถือและลงทะเบียนผ่านตู้ได้ในที่เดียว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันตู้ให้บริการพิสูจน์ตัวตนและตู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือได้เปิดให้บริการแล้ว
คุณณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่าในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตเพิ่ม 3-5% จากปี 2561 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบัน สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจเติมเงินมือถือประมาณ 75% โอนเงิน 15% และอื่นๆ 10% อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจเติมเงิน 60% โอนเงิน 20% และอื่นๆ 20%
นอกจากนี้ ในแง่ของตัวเลขรายได้ของบริษัทใน 3-5 ปีข้างหน้ามีโอกาสแตะที่ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทได้มีการเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ และได้สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
- ธุรกิจการเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent ) ซึ่งขณะนี้ บริษัทได้เป็นตัวแทนของ 5 ธนาคารในการทำธุรกรรมฝากเงินสดเข้าบัญชีผ่านตู้บุญเติม ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, กรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, ออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ปัจจุบันมียอดผู้ใช้บริการ 1 ล้านรายการต่อเดือน และในต้นปีหน้าจะมีเพิ่มอีก 1 ธนาคาร
- ธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ซึ่งปัจจุบัน มีกว่า 3,000 ตู้ และคาดว่าสิ้นปีจะมีเพิ่มเป็น 3,700 ตู้ โดยเป้าหมายคือการพัฒนา ตู้ขายกาแฟสด 3. ธุรกิจปล่อยสินเชื่อได้ ซึ่งได้รับใบอนุญาต จากกระทรวงการคลังผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน โดยจะเริ่มดำเนินการปล่อยกู้สินเชื่องวดแรกในเดือนธันวาคม 2562 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทหรือตัวแทนบริการเป็นลำดับแรก และ 4. ธุรกิจ อีวี ชาร์จเจอร์ (EV Charger) หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพื่อรองรับรถไฟฟ้าในอนาคต
“ในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 3-5% จาก 3,000 ล้านบาทในปี 2561 และมีความเป็นไปได้ว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่จะแตะที่ 5,000 ล้านบาท เพราะเรามีธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง บวกกับธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่ง คือธุรกิจเติมเงินมือถือ นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกันถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ซึ่งจะสนับสนุนให้เราเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าเดิมจะกู้สินเชื่อซ้ำ ดังนั้นในอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่าพอร์ตจะใหญ่เป็นหมื่นล้านบาท” คุณณรงค์ศักดิ์กล่าว
ด้านการลงทุน เนื่องจากเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการลงทุนตู้เป็นจำนวนมาก ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ปัจจุบันบริษัทเพียงเพิ่มบริการใหม่ ๆ เข้าไปในตัวตู้ ดังนั้น ในปัจจุบันจึงไม่ได้มีการลงทุนตู้มากนัก จึงทำให้มีผลกำไรที่เหลือเป็นเงินสดประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยโครงการปล่อยสินเชื่อวงเงิน 1,000 ล้านบาท ไม่ได้รวมอยู่ในแผนการลงทุนนี้ เนื่องจากดำเนินการคนละนิติบุคคล
คุณณรงค์ศักดิ์ กล่าวในตอนท้ายถึงสิ่งอยากจะฝากถึงกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการรวมทั้งตัวแทนบริการของบริษัทว่า ในมุมของลูกค้า บริษัทจะเน้นตอบโจทย์ความต้องการในทุก ๆ ด้านเป็นสำคัญ โดยจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการตู้บุญเติม มีความมั่นใจในการใช้บริการผ่านตู้ทั้งการซื้อสินค้าและชำระเงินต่าง ๆ เนื่องจากบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนของธนาคารที่มีใบอนุญาต เรียบร้อยแล้ว ส่วนในมุมเครือข่ายตัวแทนบริการ บริษัทเน้นการบริหารดูแลตัวแทนบริการในรูปแบบพาร์ทเนอร์ พร้อมทั้ง พยายามทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืน โดยมีการปรับตัวอยู่ตลอดเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และให้สอดคล้องกับโมเดลของบริษัทคือโมเดลแบ่งปัน ซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจและเติบโตไปพร้อมๆ กัน