“เคซีจี” รุกธุรกิจสแน็คเต็มรูปแบบ
เคซีจี ฉีกรูปแบบธุรกิจ บุกตลาดสแน็คครั้งแรกของประเทศไทยในรูปแบบพร้อมทาน เปิดตัวสินค้านใหม่ “Dairy gold Chesse udon” นวัตกรรมสแน็คเพื่อสุขภาพ ที่เปลี่ยนรูปแบบการทานชีสในรูปแบบเดิมให้สามารถสะดวกทานได้ทุกเวลา ลุยขยายฐานลูกค้ามุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กและวัยรุ่น
คุณเมธี กวีวงศ์สุนทร Chief Marketing Officer บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ KCG กล่าวว่า ปัจจุบันเคซีจี ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่กลุ่ม Dairy Snack ออกสู่ตลาด มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคในรูปแบบสแน็คพร้อมทาน โดยได้เปิดตัว “Dairy gold Chesse udon” ใน 3 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล สตรอว์เบอร์รี่ และช็อกโกแลต ภายใต้คอนเซ็ปต์ Food as Medicine โดยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้ ได้ทำการพัฒนามาเพื่อสุขภาพที่เสริมคุณประโยชน์ต่างๆ เช่น Calcium, Vitamin A, Vitamin B1,B2 และ Vitamin C ในแต่ละรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ถือเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภคทุกกลุ่ม และยังเป็นสารอาหารที่ดีต่อการเจริญเติบโตในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
“ปัจจุบันเราได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ได้ทำการทดลองตลาดในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี เราได้วาง Position ของผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สอดรับความความต้องการของผู้บริโภค โดยการเปิดตัวสินค้าใหม่ในรูปแบบสแน็ค ถือเป็นการฉีกรูปแบบธุรกิจเดิมของเคซีจี เนื่องจากเรามองเห็นช่องทางใหม่ของการเติบโตในอนาคต อีกทั้ง ยังเป็นการเตรียมต้อนรับปีใหม่ด้วยรูปแบบใหม่ๆ ของเคซีจี ที่จะครบรอบ 65 ปีของการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะกลายเป็นปีที่พิเศษสำหรับเราอย่างแน่นอน” คุณเมธีกล่าว
สำหรับสินค้า Dairy gold Chesse udon เคซีจีมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กและวัยรุ่น เพราะกลุ่มดังกล่าวนั้นจะมีความคุ้นเคยกับสินค้าในรูปแบบสแน็ค พร้อมทั้ง ได้นำคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนมินเนี่ยนมาใช้เป็นตัวแทนชีส และนำมาสื่อสารอยู่บนแพ็คเกจจิ้งและโฆษณา ที่เน้นสร้างบรรยากาศของการสื่อสารในรูปแบบความสนุกสนาน เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ในตลาดสแน็ค เคซีจีไม่ได้มองที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV นอกจากนี้ ในอนาคตเคซีจียังเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะพัฒนาสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม
คุณเมธี กล่าวต่อว่า ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป สำหรับเคซีจี มองจุดนี้เป็นโอกาส ถึงแม้ธุรกิจในกลุ่ม B2B อาจจะชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ขณะเดียวกันผู้บริโภคจะเริ่มกล้าทดลองทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น ทั้งนี้ เคซีจี จึงได้ทำแคมเปญออกไปในหลายแคมเปญ และเป็นที่มาของ “Cooking at Home” ซึ่งเป็นธีมหลักของเคซีจีในปีที่ผ่านมา และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงส่งผลให้ผลประกอบการของเคซีจีในปี 2564 เติบโตมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2565 จาก 9 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเคซีจี มีผลประกอบการเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา และคาดว่าสิ้นปีนี้จะทำยอดได้สูงสุด (Break New High) ของปีที่ 64 ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในแง่การเติบโตโดยรวม และผลประกอบการ
คุณเมธี กล่าวถึงสิ่งที่อยากจะฝากถึงคู่ค้าและผู้บริโภคว่า สิ่งหนึ่งที่เคซีจีไม่เคยลืมในตลอดระยะเวลา 64 ปี ที่ผ่านมา คือ จะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะคู่ค้าเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้บริโภคด้วย ปัจจุบันเคซีจี ดำเนินงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “Creating Pleasure for Your Taste” ในแง่ของผู้บริโภค คือ ให้ความรื่นรมย์กับรสชาติ และให้สุขภาพที่ดี ขณะที่ คู่ค้า คือ จะชนะไปด้วยกันได้อย่างไร ขณะเดียวกัน ยังทำไว้สำหรับพนักงานของเคซีจีด้วยเช่นกัน เพื่อให้พนักงานได้ทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งถือเป็นความต้องการที่เคซีจีอยากให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ เคซีจียังมีสินค้าใหม่ที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ในช่วงปีใหม่ คือ อิมพีเรียล โกล์ดซีเลคชันกระป๋องสีน้ำเงิน คุกกี้ที่มีส่วนประกอบของเนยนำเข้าฮอกไกโด และเบลเยี่ยม โดยในปัจจุบันเคซีจีมีทั้ง เดนีส บัตเตอร์, ฮอกไกโด บัตเตอร์ และปารีส บัตเตอร์ ซึ่งจุดนี้จึงไปตอบโจทย์ในเรื่องของ Creating Pleasure for Your Taste ขององค์กร
“เคซีจี เป็นองค์กรที่อยู่คู่กับคนไทยมา 64 ปี สิ่งที่เราทำออกมาทั้งหมดนั้น เรามองในแง่ของความต้องการของผู้บริโภคและคู่ค้าเป็นหลัก ซึ่ง Creating Pleasure for Your Taste เป็นหลักการสำคัญในการทำธุรกิจของเคซีจี ดังนั้น จากจุดนี้เราจึงนำมาต่อยอดไปที่รูปแบบการบริการ และสินค้าต่างๆ ที่หลากหลาย ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปของกลุ่มผู้บริโภคและคู่ค้าของเราไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ” คุณเมธี กล่าว
