October 16, 2024

กว่า 4 ทศวรรษ “อินเตอร์ กรุ๊ป แพคเกจจิ้ง” พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจ

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

กว่า 4 ทศวรรษ “อินเตอร์ กรุ๊ป แพคเกจจิ้ง” โชว์พราว พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจ

          อินเตอร์ กรุ๊ป แพคเกจจิ้ง ประกาศศักยภาพองค์กร ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี มุ่งเดินหน้าพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน ลุยพัฒนาคน สภาพแวดล้อม และคุณภาพสินค้า พร้อมปรับตัวรับการ เปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก ในฐานะผู้นำทางด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกอย่างครบวงจร


 คุณกิตติศักดิ์ รังนกใต้ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ ไฟเบอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด ในเครือ อินเตอร์ กรุ๊ป แพคเกจจิ้ง

          คุณกิตติศักดิ์ รังนกใต้ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ ไฟเบอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด ในเครือ อินเตอร์ กรุ๊ป แพคเกจจิ้ง หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกในประเทศไทย โดยทำการผลิตกระดาษคราฟท์ แปรรูป และจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกอย่างครบวงจร กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่เราเติบโตได้ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และมีการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้การใช้กล่องแพคเกจจิ้งเพิ่มขึ้นตามภาพรวมของตลาดประเทศไทย และเราในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกครบวงจรจึงได้รับอานิสงส์ไปด้วย ทำให้ในแง่ของการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

          สำหรับในปีนี้ นอกจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทในด้านการผลิตแพคเกจจิ้งที่เราต้องเดินหน้าตามแผน 1 ล้านใบต่อวันแล้ว สิ่งที่บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องของความยั่งยืน เนื่องจากอินเตอร์ กรุ๊ป เราอยู่ในวงการกล่องบรรจุภัณฑ์ หรือกระดาษลูกฟูกมากว่า 40 ปี แน่นอนว่าเรามีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องทั้งยอดขาย และคุณภาพด้านต่างๆ ฉะนั้นสิ่งที่จะตอบโจทย์เราต้องไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่ต้องรวมถึงความยั่งยืนของธุรกิจด้วย

          “จริงๆ เรามองเรื่องคนเป็นที่ตั้ง เพราะเครื่องจักรหรือเป้าหมายมันเป็นอะไรที่ต้องมีและเดินไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่เรื่องคน เรื่องพนักงานของเรา เราต้องทำให้พวกเขาสามารถ Upskill และ Reskill เหมือนที่หลายๆ คนทำกัน และที่สำคัญกว่านั้นคือการทำให้พนักงานเรามีความสุขเพิ่มขึ้น รวมถึงเราต้องหาคนที่ใช่เข้ามา และรักษาคนอยู่เพื่อพัฒนาต่อ อันนี้คือสิ่งที่อินเตอร์ กรุ๊ปคิดว่าจะทำให้มากขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้เราจะมุ่งสร้างมาตรฐานด้านต่างๆ ด้วย ซึ่งทุกอย่างที่เราจะทำ ก็เพื่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนนั่นเอง” คุณกิตติศักดิ์กล่าว

          อย่างไรก็ตาม ในด้านการลงทุน คุณกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการลงทุนต่างๆ เรามีการลงทุนมาโดยตลอดทั้งการเพิ่มเครื่องจักร และพัฒนาสภาพแวดล้อมโรงงาน สำหรับด้านเครื่องจักร ที่ผ่านมาเราได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์แบบดิจิทัล ที่นับเป็นเครื่องจักรที่มีสเกลการพิมพ์ใหญ่ที่สุด และเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำมาใช้พิมพ์บนกระดาษที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% อย่างเช่นป้ายสแตนดี้ จากเมื่อก่อนการพิมพ์ป้ายสแตนดี้ต้องพิมพ์ผ่านฟิวเจอร์บอร์ดที่เป็นพลาสติกและรีไซเคิลไม่ได้ แต่ปัจจุบันอินเตอร์ กรุ๊ป เรานำมาพิมพ์ลงบนกระดาษลูกฟูกของบริษัท ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงทำให้เรามีลูกค้าหลากหลายขึ้น ทั้งนี้บริษัทอยากให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการพิมพ์งานที่เร็ว สามารถจบภายใน 1 วัน มีความยืดหยุ่นมากกว่า ฉะนั้นการลงทุนเครื่องพิมพ์แบบดิจิทัล ถือเป็นอนาคตที่เราอยากจะนำเสนอกับลูกค้าว่าแพคเกจจิ้งแบบดั้งเดิมได้เปลี่ยนไปสู่แพคเกจจิ้งแบบดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          ขณะเดียวกันในการลงทุนเพื่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมนั้น บริษัทก็มีแผนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นฐานขั้นแรกที่เราพยายามทำคือ กำจัด 5 สิ่งชั่วร้ายในองค์กร อันได้แก่ ฝุ่น ความร้อน กลิ่น ความมืด และเสียง ซึ่งทุกปีอินเตอร์ กรุ๊ปมีโปรเจคในการพัฒนาแก้ปัญหาด้านนี้โดยตลอด โดยที่ผ่านมาบริษัทมีการอัปเกรดห้องกันเสียงแบบใหม่ ที่กันเสียงได้มากขึ้น พร้อมทั้งมีการเพิ่มความสว่างให้โรงงาน รวมถึงติดตั้งเครื่องดักฝุ่นตามจุดต่างๆ รอบโรงงาน เนื่องจากในกระบวนการผลิตของเราที่มีการตัดกระดาษ ทำให้เกิดละอองฝุ่นจากกระดาษลอยกระจายในอากาศมากถึง 7 ตันต่อเดือน ซึ่งจำนวนฝุ่นที่มากขนาดนี้ หากเราหายใจสูดอากาศเข้าไปในปอดต้องเกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

          “ต้องบอกว่าเราพยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมในโรงงานทุกแห่งในเครืออยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้ทำพร้อมกัน ต้องค่อยๆ ทำไป ทดลองกันไป หลายๆ คนอาจจะคิดว่านี่สิ้นเปลือง เสียเงินฟรี แต่ส่วนตัวคิดว่าการลงทุนพัฒนาด้านต่างๆ สุดท้ายมันจะกลายเป็น Value ที่ย้อนกลับมาหาองค์กร และที่บอกไปว่าเราดักฝุ่นได้ 6-7 ตัน เราไม่ได้เอาไปทิ้งที่ไหน แต่เรานำไปเผาเป็นเชื้อเพลิง คือแทนที่จะปล่อยให้ไปกระจายเป็นฝุ่น ก็เอามาอัดเป็นก้อนเล็กๆ ส่งไปที่โรงงานไฟฟ้าของเราเอง” คุณกิตติศักดิ์กล่าว

          คุณกิตติศักดิ์ กล่าวถึงเป้าหมายปี 2566 ด้วยว่า ทุกๆ ปี การเติบโตของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% ซึ่งก็ตรงตามเป้าหมายมาโดยตลอด เพราะธุรกิจกล่องลูกฟูกจะมีการเติบโตตามภาพรวมของตลาด ผู้คนใช้กล่องมากขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การซื้อขายออนไลน์ อีกทั้งทุกอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักต้องใช้กล่องแพคเกจจิ้งอยู่แล้ว บริษัทจึงมองว่าธุรกิจนี้ยังโตได้ดีต่อเนื่อง ทั้งปีนี้และในอนาคต

          ทั้งนี้ ด้วยจุดเด่นของอินเตอร์ กรุ๊ปไม่ว่าจะเป็นความยั่งยืนของ Raw Material ความเชี่ยวชาญของพนักงานและการดำเนินธุรกิจกว่า 40 ปี รวมถึงความตื่นตัว พร้อมพัฒนายกระดับศักยภาพตนเอง เพื่อรองรับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รองรับอุตสาหกรรม และความต้องการของลูกค้า จะทำให้เราก้าวไปข้างอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืนขึ้น และยังสามารถเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พาร์ทเนอร์ของเราประสบความสำเร็จ และเติบโตไปด้วยกัน

          “ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าเรื่องการลงทุนและการพัฒนาคนเป็นสิ่งที่สำคัญ องค์กรเราถึงแม้จะเป็นอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ มีมานานเป็น 100 ปี แต่การพัฒนาด้านต่างๆ ยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง และคิดว่า 2 สิ่งนี้คือหัวใจของอุตสาหกรรมเรา เพราะฉะนั้นหากภาครัฐสามารถช่วยสนับสนุนได้ ก็อยากให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่าเดิม หรืออย่างในเรื่องการ Upskill / Reskill ของพนักงาน อย่างการพาไปดูงานก็จะดีมาก ส่วนตัวคิดว่าถ้าพัฒนาหรือสนับสนุนในส่วนนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมก้าวหน้าได้ดีขึ้น และน่าจะเป็นอะไรที่วินๆ กับประเทศหลายๆ อย่างด้วย” คุณกิตติศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย

www.inter-group.co.th 

 

Page Visitor

011932573
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
508
22780
58003
172609
209955
11932573
Your IP: 3.143.23.174
2024-10-16 00:24
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.