November 22, 2024

Biz Focus Industry Issue 109, February 2022

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

“เอ.บี.พี. เมทัลชีท” เปิดเกมรุกธุรกิจใหม่ ตั้งเป้าโต 500 ลบ. ในปี 65

หัวเรือใหญ่ “สุรชัย ทานะสิงห์” เจ้าของธุรกิจเอ.บี.พี. เมทัลชีท, เอบีค้าเหล็ก และบิ๊กบอส ดีเวลลอปเม้นท์ ประกาศแผนปี 2565 มุ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ทุ่ม 160 ลบ. ขยายธุรกิจสร้างโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เชื่อ! แนวโน้มสินค้าอุปโภค-บริโภคมีโอกาสก้าวหน้า ขณะที่การให้บริการเช่ารถเครนยังคงโดดเด่น ด้วยศักยภาพการบริการของบริษัท และความมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ ZOOMLION จากคู่ค้าอย่างโปรแมชฯ

คุณสุรชัย ทานะสิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.บี.พี. เมทัลชีท จำกัด 

คุณสุรชัย ทานะสิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.บี.พี. เมทัลชีท จำกัด เปิดเผยว่า เราเริ่มดำเนินธุรกิจจากการก่อตั้ง เอ.บี.พี. เมทัลชีท เมื่อปี 2552 โดยเป็นบริษัทที่จำหน่าย รับรีดแผ่นหลังคาเมทัลชีทและติดตั้ง พร้อมให้คำปรึกษาผลิตภัณฑ์แผ่นหลังคาเหล็กรีดลอนเมทัลชีท ที่ผลิตจากเหล็กเคลือบคุณภาพสูง นำมาขึ้นรูปเป็นหลังคาผนัง ฝ้า เพดาน หลังคาพร้อมฉนวน P.U. และอื่นๆ อีกมากมาย ต่อมาจึงได้ขยายธุรกิจก่อตั้ง บริษัท เอบีค้าเหล็ก จำกัด ขึ้นเพื่อจำหน่ายเหล็ก อาทิ เหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ และเหล็กสำหรับรองรับการผลิตหลังคาเมทัลชีท ซึ่งเริ่มจำหน่ายเหล็กตั้งแต่ปี 2556

หลังจากนั้นได้มีการขยายธุรกิจเข้าสู่วงการรับเหมาก่อสร้างในปี 2558 ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กบอส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยเริ่มต้นจากการรับเหมางานขนาดเล็ก และเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 บริษัทที่ดำเนินการอยู่นี้ ประสบความสำเร็จมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจให้บริการเช่ารถเครน ที่จะกระจายอยู่ทั้ง 2 บริษัทคือ เอ.บี.พี. และ บิ๊กบอส โดยธุรกิจรถเครนเริ่มจากการซื้อเพื่อใช้ในกระบวนการทำงานต่างๆ ของบริษัท จนมีรถจำนวนมากขึ้นจึงเริ่มให้บริการเช่าด้วย โดยปัจจุบันมีรถเครนพร้อมให้บริการกว่า 30 คัน มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 400 ล้านบาท

คุณสุรชัย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินงานปี 2564 เป็นปีที่ซบเซาลงเมื่อเทียบกับปี 2563 จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปเป็นวงกว้าง แต่เรายังสามารถเร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจต่อไปได้ แม้ปีที่ผ่านมารายได้จะลดลงประมาณ 15-20% แต่พลิกกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้งในช่วงปลายปี เนื่องจากการดำเนินงานในหลายธุรกิจ ที่ช่วยประคองกันไปได้ ทำให้การเติบโตในภาพรวมอยู่ในระดับที่ดี

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 เรามุ่งเน้นขยายธุรกิจสู่การเติบโตอย่างเข็งแกร่งในอนาคต พร้อมพัฒนาการดำเนินงานในด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่ในปีนี้มีแบ็กล็อกอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ และก่อสร้างอาคารโรงงาน รวมถึงยังมีอีก 4 โครงการใหม่ ที่อยู่ระหว่างเซ็นสัญญา มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ เรายังมีแผนลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยทุ่มงบกว่า 160 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งปัจจุบันโรงงานอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนพร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ปลายปี 2565 ทั้งนี้ งบลงทุนดังกล่าวแบ่งเป็นการก่อสร้างโรงงานประมาณ 60 ล้านบาท และเครื่องจักรประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินการผลิตคาดว่าจะเริ่มต้นผลิตได้วันละ 2-3 แสนก้อนต่อวัน และเพิ่มขึ้นตามการเติบโตในอนาคต โดยคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี

 

“จุดเริ่มต้นในการก่อสร้างโรงงานบะหมี่ ด้วยความที่ผมเป็นนักธุรกิจ เราไม่อยากหยุดอยู่กับที่ จึงพยายามทำธุรกิจต่างๆ เพิ่ม เพื่อสร้างการเติบโตและประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป โดยต้องเป็นธุรกิจที่คู่แข่งไม่เยอะ จึงตัดสินใจจะทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากมองว่าเป็นสินค้าอุปโภค-บริโภค สามารถวางขายในท้องตลาดได้ กลุ่มลูกค้าก็อยู่ทั่วประเทศ โอกาสเติบโตทางธุรกิจมันจะสูงมาก ดูง่ายๆ เลยจากสถานการณ์โควิด ธุรกิจหลายๆ อย่างมันมีปัญหา แต่ธุรกิจอาหารไม่เคยหยุด ลูกค้าของผมที่เขาทำธุรกิจอาหาร ไม่เคยหยุดผลิตเลย ซึ่งถ้าเราเริ่มผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปแล้วระยะหนึ่ง ยังมีแผนว่าจะทำเส้นบะหมี่ด้วย ทั้งนี้ผมตั้งเป้ายอดขายไว้ว่าจะแตะหลักร้อยล้าน และจะนำธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ให้ได้” คุณสุรชัยกล่าว

สำหรับเป้าหมายการเติบโตในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คุณสุรชัย กล่าวว่า เราตั้งเป้ารายได้รวมในทุกธุรกิจไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่รออนุมัติจากลูกค้า 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ธุรกิจหลังคาเมทัลชีทและเหล็กที่คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ยอดขายรวมทุกสาขาน่าจะเพิ่มขึ้น 30-40% โดยปกติเราจะตั้งเป้ายอดขายไว้เดือนละ 15 ล้านบาท แต่ช่วงปีที่ผ่านมายอดขายเราอยู่ที่ 8-10 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น

ขณะที่ธุรกิจรถเครน แม้จะเป็นธุรกิจที่ให้รายได้ไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว รายได้กว่าครึ่งจะถือเป็นกำไรทั้งหมด โดยจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 60-70 ล้านบาทต่อปี และในแต่ละปีเราจะมีการซื้อรถเครนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่การเพิ่มรถเครนจะต้องดูที่ภาวะเศรษฐกิจ และงานที่เราได้รับ หากมีงานโครงการเพิ่มขึ้นในระยะเวลา 1-2 ปี แล้วจำนวนรถของเราไม่เพียงพอ ก็สามารถซื้อเพิ่มได้ ซึ่งปกติก็มีการซื้อรถเพิ่มอยู่แล้วปีละ 4-5 คัน โดยรถทุกคันจะอยู่ตามไซต์งานประจำทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยังทรงตัวดีเหมือนปลายปี 2564 คาดว่าผลการดำเนินงานในทุกธุรกิจจะเติบโตได้ดี และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

คุณสุรชัย กล่าวถึงจุดเด่นในแต่ละธุรกิจว่า ทุกบริษัทมักมีจุดเด่นจุดด้อยเป็นของตนเอง แต่ที่เหมือนกันในการดำเนินธุรกิจของเราคือการบริการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหลังคาเมทัลชีท เหล็ก รับเหมาก่อสร้าง หรือบริการเช่ารถเครน พนักงานของเราจะได้รับคำชื่นชมจากลูกค้าเสมอ ที่ผ่านมาเราพยายามอย่างยิ่งในทุกๆ ด้าน เพื่อให้คุณภาพงาน รวมถึงการบริการออกมาดีที่สุด จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้รับเหมาทั่วไป และเจ้าของบ้านที่เป็นลูกค้าประจำ ซึ่งทุกธุรกิจที่เราดำเนินงาน ล้วนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอยู่แล้ว

รถเครนแบรนด์ ZOOMLION จากบริษัท โปรแมช (ประเทศไทย) จำกัด

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจรถเครน ที่เราพยายามดันขึ้นมาเป็นธุรกิจหลักในอนาคต นอกจากการบริการของเราแล้ว คุณภาพของรถก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเรามีโอกาสทำธุรกิจมาเป็นระยะเวลาร่วม 5 ปี กับบริษัท โปรแมช (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถเครนนำเข้าจากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ ZOOMLION โดยได้ซื้อรถเครนจากโปรแมชฯ ทั้งขนาด 16, 35, 55, 130, 200 และ 300 ตัน เป็นมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ด้วยเรามองเห็นว่ารถของโปรแมชฯ เป็นรถจากประเทศจีนที่มีคุณภาพ และมีการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างก้าวหน้า มีประสิทธิภาพดีต่อการใช้งาน ทั้งยังราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับแบรนด์จากญี่ปุ่นและยุโรป

“รถเครนของผมก็มีรถญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน แต่บางทีถ้าเราเข้าไซต์งานที่ค่อนข้างเซฟตี้ เขาต้องการรถใหม่ ซึ่งรถใหม่ถ้าเราจะซื้อแบรนด์อื่นเราก็ไม่ได้มั่นใจมาก แถมยังราคาสูง ขณะที่เราต้องคำนึงถึงแบรนด์ และความเชื่อมั่นเป็นสำคัญ ทำให้เราเลือกรถเครนของโปรแมชฯ เพราะมีดีในเรื่องคุณภาพและยังได้รับบริการหลังการขายที่ดีมากแตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ที่เคยใช้มา และด้านราคาที่ถูกกว่า ก็สามารถช่วยลดต้นทุนของเราได้มากเลย อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่เราใช้รถเครนจากโปรแมชฯ รถก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ และโปรแมชฯ ยังเป็นมากกว่าบริษัทที่ขายรถเครนทั่วๆ ไป บางครั้งก็มีการแนะนำงานเช่ามาให้ เป็นที่ปรึกษาหลายๆ เรื่อง เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เป็นครอบครัวที่น่ารักดูแลกันมาตลอด ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ผมก็ไม่ไปซื้อยี่ห้ออื่นแน่นอน” คุณสุรชัยกล่าว

คุณสุรชัย กล่าวทิ้งท้ายถึงวิสัยหรือแนวคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จด้วยว่า การทำธุรกิจหรือการเป็นนักธุรกิจเป็นความฝันส่วนตัวมาตั้งแต่เด็กๆ และในปัจจุบันนี้ก็ได้ทำหลากหลายธุรกิจแล้ว ซึ่งความจริงก็สามารถพอได้แล้ว แต่เราก็ยังอยากทำไปเรื่อยๆ เพราะมันกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ยิ่งเราประสบความสำเร็จมาในระดับหนึ่ง ก็อยากให้สำเร็จขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าเราพยายามทำในสิ่งที่เราชอบอย่างมีความสุข ผลที่เราได้รับก็ต้องสวยงามแน่นอนในอนาคต

www.abpmetalsheet.com

Page Visitor

012543709
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
16695
18787
105002
351500
432245
12543709
Your IP: 18.119.167.189
2024-11-22 19:51
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.