ปี 2567 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก และมีแนวโน้มดีกว่าปี 2566 ที่ผ่านมา โดยจะได้รับการสนับสนุนหลักจากการภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวเป็นบวก เงินเฟ้อมีสัญญาณชะลอตัว และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
ในทางกลับกับ เมื่อมีปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ย่อมมีปัจจัยเสี่ยงจากทั้งภายในและภายนอกประเทศเข้ามารุมเร้า หรือ ฉุดกระชากให้เศรษฐกิจไทยดิ่งลงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องจับตามองและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ยังไม่แน่นอนสูง ความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลก การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ เป็นต้น
สำหรับประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2567 ขณะนี้ หลายหน่วยงานเศรษฐกิจได้ทยอยออกมาระบุตัวเลขดังกล่าวแล้ว โดยจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดการณ์ว่า จีดีพีจะขยายตัวได้ 3.2% (ยังไม่รวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต) การส่งออกพลิกกลับมาโต 3% เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2% หนี้ครัวเรือนลดลงมาอยู่ที่ 87.8% ต่อจีดีพี และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน ซึ่งเป็นการประเมินกรณีพื้นฐานทั่วไป
ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยวิจัยกรุงศรี ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ แม้การเติบโตจะยังไม่กระจายตัวและมีความไม่แน่นอน โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.4% ซึ่งไม่รวมผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยแรงส่งส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายในประเทศ
ส่วนสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวในช่วง 2.7%-3.7% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 3.2% ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.2% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.2-4.2%)
ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่มีการคาดการณ์และเปิดเผยออกมาจากหน่วยงานเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้ อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง เนื่องจาก ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาต้นปี ประกอบกับในอนาคตยังไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเอื้อ หรือ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม บิส โฟกัส เชื่อมั่นว่าเราทุกคนมีความคาดหวังให้ปีนี้เป็นปีที่มีความสดใส โดยผู้ประกอบการทุกภาคธุรกิจ ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ด้วยดีตลอดทั้งปี เพื่อสนับสนุนให้ตัวเลขจีดีพีเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ปิดท้ายฉบับนี้กับ นพ.เกรียงไกร นามไธสง ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี” เดินหน้าภารกิจหลัก เน้นดูแลรักษาคนไข้ทุกระดับในเขตกรุงเทพฯ ตะวันออก เผยแผนการดำเนินงาน เร่งเพิ่มขีดความสามารถพิชิตทุกโรค ทุกแขนง ยกระดับให้บริการรักษาแบบครบวงจร ควบคู่กับการเป็นโรงเรียนแพทย์ แหล่งการเรียนรู้ การศึกษาของแพทย์และพยาบาล ตอกย้ำจุดเด่นมีความแข็งแกร่งในด้านอาชีวเวชศาสตร์ บวกมีความรู้ ความชำนาญในด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ชูรถฟอกไตเคลื่อนที่คันแรกของไทยและอาเซียน หนุนคนไข้ล้างไตได้ทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ์