Biz Focus Magazine เป็นนิตยสารรายเดือนที่ร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างภาครัฐ - เอกชน และนักลงทุน
+(662) 399-1388
editor@bizfocusmagazine.com
กรีนโกรทเร่งเครื่องลุยโปรเจคทุ่งกังหันลมเต็มพิกัด
กรีนโกรทรับบีโอไอหนุนเดินหน้าโครงการทุ่งกังหันลมเลียบชายฝั่งขนาดใหญ่ 10 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 540 ลบ. คาดสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าป้อน กฟภ.ปลายปีหน้า พร้อมประกาศศักยภาพกังหันลมที่สูงที่สุดและมีใบพัดยาวที่สุดในประเทศไทย
ดร.สุเมธ สุทธภักติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรีน โกรท จำกัด ( บริษัทในเครือ Merchant Group of Companies ) เปิดเผยว่าบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ในโครงการทุ่งกังหันลมเลียบชายฝั่งทะเล ขนาด 10 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช บนพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 540 ล้านบาท
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนประกอบด้วยมาตราต่างๆ อาทิ มาตรา 28 ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรตามที่คณะกรรมการพิจารณา มาตรา 35(1) ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุนในอัตราร้อยละห้าสิบของอัตราปกติมีกำหนดห้าปี นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 31 วรรคสอง 7. มาตรา 35(2) ได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาสองเท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นระยะเวลาสิบปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น เป็นต้น
ส่วนเหตุผลที่เลือกดำเนินโครงการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่ลมมีศักยภาพสม่ำเสมอ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะว่าก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงานได้จัดทำโครงการนำร่องเมื่อปี 2552 ที่อำเภอหัวไทร ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโครงการของบริษัทประมาณ 30 กิโลเมตรทำให้สามารถสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านได้อย่างครบถ้วนและบริษัทพอใจผลการทำประชาพิจารณ์เป็นอย่างมากเพราะชาวบ้านให้การตอบรับเป็นอย่างดี
รวมทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงมีระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพดีมาก โดยมีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าหลายแห่ง อาทิ โรงไฟฟ้าขนอม เขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นต้น และในปี 2558 คาดว่าโรงไฟฟ้าบางแห่งจะมีการปิดตัวลง อาจทำให้กระแสไฟฟ้าในบริเวณดังกล่าวขาดแคลนหากมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นโครงการของบริษัทจะเป็นอะไหล่สำรองให้แก่ภาครัฐไปโดยปริยายและตนคาดหวังอยากให้พลังงานทดแทนเป็นพลังงานหลักของประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต
“ตนใช้เวลาศึกษาศักยภาพของลมทั่วประเทศก่อนที่จะทำโครงการนี้เป็นเวลากว่า 4 ปี ไม่ใช่แค่เพียงที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียงที่เดียว บริเวณที่ค้นหาคือพื้นที่ที่ลมมีศักยภาพสม่ำเสมอมากกว่าพื้นที่ที่มีลมแรงจัดเป็นบางช่วง เราได้ค้นหาและสำรวจทุกภาคทั้งภาคเหนือ อีสาน กลางและใต้ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยพบว่าภาคใต้ฝั่งทะเลอ่าวไทยมีศักยภาพลมค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดทั้งปีแต่จะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลเป็นหลัก จะแตกต่างจากภาคอีสานหรือภาคเหนือซึ่งจะมีลมแรงเป็นช่วงๆ และหายไปเลย ดังนั้นจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากที่สุดแห่งหนึ่ง” ดร.สุเมธกล่าว
ด้านความคืบหน้าของโครงการ ถือว่าคืบหน้าไปมาก ทั้งในส่วนของการออกแบบฐานราก การจัดทดสอบฝังตำแหน่งกังหัน และการจัดสรรที่ดินเพื่อเตรียมก่อสร้าง โดยบริษัทจะเน้นสร้างให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบข้าง และบริเวณที่เหลือบริษัทจะสร้างเป็นสวนสาธารณะให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเข้ามาใช้ประโยชน์ เช่น การวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เป็นต้น
ทั้งนี้หากได้รับใบอนุญาต รง.4 เ รียบร้อยแล้ว คาดว่าโครงการจะเริ่มจ่ายไฟได้ประมาณปลายปีหน้า ซึ่งจะเร็วกว่ากำหนดการที่ทางการไฟฟ้าได้ตั้งเป้าไว้กับบริษัทคือในปี 2558 สำหรับกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดจะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)100% โดยโครงการของบริษัทนับเป็นโครงการกังหันลมขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 เมกกะวัตต์เป็นต้นไปของภาคเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ กฟภ.
นอกจากนี้บริษัทได้สั่งซื้อกังหันลมเรียบร้อยแล้ว โดยจะใช้ระบบและเทคโนโลยีของประเทศเยอรมันจำนวนกังหันทั้งหมด 5 ต้น กำลังการผลิตต้นละ 2 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการรับมอบกังหันลมจากผู้ผลิต ในราวเดือนเมษายน 2557
สำหรับกังหันลมจะมีหลายขนาดและแต่ละขนาดจะมีความแตกต่างกันซึ่งจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่แต่ละบริษัทกำหนด โดยโครงการของบริษัทเนื่องจากตนจบเฉพาะทางด้านกังหันลมจากเดนมาร์คโดยตรง ดังนั้นตนจึงเลือกที่จะออกแบบกังหันเองร่วมกับบริษัทผู้ผลิต ให้เหมาะสมกับพื้นที่โครงการมากที่สุดและจะไม่ซื้อกังหันลมแบบสำเร็จรูป โดยปกติกังหันลมจะมีความสูงของลำต้นประมาณ 80 เมตร แต่ตนได้ขยับขึ้นมาเป็น 100 เมตร ซึ่งจะทำให้รับลมได้แรงกว่า เพราะความขรุขระของพื้นผิวไม่มีอะไรมาบดบัง ทั้งนี้จากการสำรวจเก็บวัดค่าลมพบว่าลมที่ความสูงที่ 100 เมตรสามารถรับลมได้ดีกว่า ส่วนใบพัดปกติจะมีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35-40 เมตร แต่ตนจะใช้ใบพัดที่มีขนาดความยาว 55 เมตร ซึ่งส่งผลให้กังหันลมของบริษัทสูงที่สุดและมีใบพัดยาวที่สุดในประเทศไทย
**ส่วนรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้านั้น บริษัทได้กำหนดอัตราผลกำไรตอบแทนซึ่งคาดว่าจะสามารถคืนทุนกับสถาบันการเงินได้ภายในระยะเวลา 6 ปี และมั่นใจว่าจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาดังกล่าวเนื่องจากโครงการของบริษัทมุ่งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงิน โดยจะนำรายได้จากโครงการดังกล่าวส่งคืนให้เร็วที่สุด ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่คืนทุนได้เร็วมากเมื่อเทียบกับปกติที่มีการกำหนดให้มีการคืนทุนก่อนค่าแอดเดอร์จะหมดวาระคือ 10 ปี
“โครงการของเราเป็นโครงการกังหันลมที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลแห่งแรกที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนเราไม่ได้คาดหวังผลกำไรจากโครงการนี้มากมาย แต่ต้องการทำให้เป็นต้นแบบเพื่อให้ชาวบ้านกับโครงการประเภทดังกล่าวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน และจากการที่โครงการของเราตั้งอยู่ในบริเวณที่มีการกัดเซาะสูง ดังนั้นเราจึงคาดหวังว่าระบบฐานรากที่เรานำมาใช้ในโครงการนี้ซึ่งเป็นระบบที่พิเศษมาก โดยในระยะยาวจะสามารถนำมาปรับเป็นแนวป้องกันไม่ให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งได้อีกทางหนึ่ง” ดร.สุเมธกล่าว
Selfies labore, leggings cupidatat sunt taxidermy umami fanny pack typewriter hoodie art party voluptate. Listicle meditation paleo, drinking vinegar sint direct trade.
www.themewinter.comMake sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.