Biz Focus Magazine เป็นนิตยสารรายเดือนที่ร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างภาครัฐ - เอกชน และนักลงทุน
+(662) 399-1388
editor@bizfocusmagazine.com
“CAAT” ลุยแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการบินไทยสู่ความยั่งยืน
CAAT เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก พร้อมเผยทิศทางการดำเนินงานปี 2563 เน้นส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการบินพลเรือนในทุกมิติ ขับเคลื่อนการบินพลเรือนของไทยและองค์กร ยกระดับอุตสาหกรรมการบินตามวิสัยทัศน์ “มาตรฐานสู่ความยั่งยืน : Standard toward Sustainability”
ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT
ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT กล่าวว่า CAAT ได้วางยุทธศาสตร์เชิงรุกปี 2562-2565 เพื่อให้ทิศทางและการปฏิบัติงานขององค์กรสอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ตลอดจนสามารถขับเคลื่อนการกำกับดูแลให้การบินพลเรือนของไทยเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพในระดับสากล รวมทั้งส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการบินเติบโตต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยยุทธศาสตร์ที่ CAAT ได้วางไว้ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 จัดให้มีและพัฒนาระบบการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล พร้อมรับการตรวจประเมิน และยกระดับมาตรฐานให้สอดคล้องกับ ICAO
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การนำกลไกการกำกับดูแลไปบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการออกใบอนุญาต การตรวจติดตามมาตรฐานการกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ และการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมการบินที่ยั่งยืน ทั้งในด้านความสามารถในการแข่งขัน ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบการไทย ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนขององค์กร ด้วยการเป็นองค์กรที่มีธรรมภิบาล บริหารทรัพยากร บุคคลให้ตรงตามความต้องการขององค์กร มีคุณภาพชีวิตที่ดี และพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงาน ให้มีความเป็นสากล และ ยุทธศาสตร์ที่ 5 เป็นศูนย์กลางข้อมูล และองค์ความรู้ด้านการบินเพื่อสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม
ดร.จุฬา กล่าวต่อว่า การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว อยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ “มาตรฐานสู่ความยั่งยืน : Standard toward Sustainability” ซึ่งแผนการดำเนินงานในปี 2563 นี้ CAAT ได้มีการยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งภายในและภายนอกองค์กร สำหรับภายในองค์กรจะมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนขององค์กร ด้วยการสร้างค่านิยมหลักภายในองค์กร (Core Value) เพื่อให้บุคลากรยึดมั่น และเป็นแนวทางการดำเนินงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีค่านิยมหลัก คือ การพัฒนาผลงานอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) ความหนักแน่นที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง (Integrity) ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ (Accountability) การทำงานร่วมกันเป็นทีม (Teamwork) ความเคารพซึ่งกันและกัน (Respect) และความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust)
ในส่วนของงานภายนอกองค์กรจะมุ่งเน้นงานด้านกำกับดูแลการบินพลเรือน และด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน โดยจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1. การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอนาคต อาทิ การใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone) การให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ (Helicopter Emergency Medical Service : HEMS) รวมทั้งการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการรับรองสถาบันฝึกอบรมด้านการบิน และแผนนิรภัยการบิน หรือการบริหารความปลอดภัยด้านการบิน 2. การกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการสายการบิน เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ และอำนาจของ CAAT ในการกำกับดูแลทางเศรษฐกิจตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศฉบับใหม่
และ 3. การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่อุปทานในการบินของไทย ให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านมาตรฐาน คุณภาพการให้บริการ องค์ความรู้ และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การตรวจรับรองมาตรฐานผู้ประกอบการการซ่อมบำรุงและผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน รวมถึงการส่งเสริมกิจการการซ่อมบำรุงและผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมการบินของไทย เช่น การอนุญาตให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติสามารถถือหุ้นได้มากกว่าร้อยละ 49 เป็นต้น
ดร.จุฬา กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้ CAAT มีเรื่องที่เป็นไฮไลท์อยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 การกำกับดูแลการใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีของโดรนมีความก้าวหน้าอย่างมากประกอบกับมีราคาถูกลง จึงมีการนำมาใช้อย่างกว้างขวางในการบินพลเรือน แต่ในทางกลับกันความเสี่ยงในด้านต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัยต่อชุมชน และการปฏิบัติการบินของสายการบินพาณิชย์ ด้านความมั่นคง และความเป็นส่วนตัวของประชาชน
ด้วยเหตุนี้ CAAT จึงได้วางแผนให้มีข้อกำหนดเรื่องใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่นักบินอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAS license เพิ่มเติมจากประกาศผู้ควบคุมโดรนเดิมให้มีมาตรฐานเป็นไปตามข้อกำหนดของ ICAO นอกจากนี้ จะมีโรงเรียนสอนการใช้โดรนที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อให้การออกใบอนุญาตนักบินโดรน ที่เป็นเหมือนใบเบิกทางให้อุตสาหกรรมการบินโดรนของประเทศไทย ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการบินโดรนอย่างมืออาชีพและเพื่อการพาณิชย์ที่จะได้รับใบอนุญาตโดรนนี้ ต้องได้รับการอบรมที่ถูกต้องจากสถาบันที่มีมาตรฐานทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดย CAAT จะร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ DTI ในการพิจารณาหลักสูตรการอบรมต่างๆ
ส่วนแผนที่เป็นไฮไลท์เรื่องที่ 2 คือการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์หรือ HEMS เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดย CAAT ได้อนุญาตให้เฮลิคอปเตอร์ขนส่งผู้ป่วยสามารถจอดที่นอกเหนือจากสนามบินได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เนื่องจากเห็นว่าระยะเวลาในการขนส่งผู้ป่วย 1 ชั่วโมงถือเป็น Golden Hour ที่มีค่า ซึ่งในส่วนนี้ CAAT ได้มีการร่วมมือกับสถาบันการแพยท์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในการผสานการขนส่งทั้งทางอากาศ ทางบก และทางเรือ เพื่อที่จะรักษาชีวิตผู้คนได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินประเภทเฮลิคอปเตอร์ และนักบินเฮลิคอปเตอร์มากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามจากแผนงานดังกล่าว ไม่ว่าจะในด้านกำกับดูแลการบินพลเรือน และด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน CAAT มั่นใจว่าจะสามารถช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้มีความเป็นมาตรฐานสากล อีกทั้งจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันกับผู้ประกอบการจากนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม ในสภาวะการแข่งขันที่สูง เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ของ CAAT ที่ว่า “มาตรฐานสู่ความยั่งยืน”
“เป็นที่รู้ๆ กันว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่างๆ เป็นวงกว้างไปทั่วโลก ซึ่งอุตสาหกรรมด้านการบินของเราก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน ถึงขั้นไม่สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ด้วยมาตรการรับมือต่างๆ ของไทยเราดีและเข้มงวด และเริ่มที่จะควบคุมได้ ทำให้สายการบินต่างๆ สามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดสำหรับผู้โดยสาร 11 ประเภทและทุกสายการบินที่เปิดให้บริการ ทั้งนี้ เราได้คาดการณ์แนวโน้มผู้โดยสารในปี 2563 ไว้ว่าจะลดลงจากปีก่อน 60% แต่หลังจากนั้นทุกอย่างคงจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น และเรา CAAT ก็จะเดินหน้าดำเนินงานตามแผนและยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้ต่อไป” ดร.จุฬากล่าวทิ้งท้าย
Selfies labore, leggings cupidatat sunt taxidermy umami fanny pack typewriter hoodie art party voluptate. Listicle meditation paleo, drinking vinegar sint direct trade.
www.themewinter.comMake sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.