คุณพิชิต พรธนาเลิศ General Sales Manager บริษัท โจตันไทย จำกัด

คุณพิชิต พรธนาเลิศ General Sales Manager บริษัท โจตันไทย จำกัด กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงปลายปี 2563 ว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญในเรื่องการให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือคู่ค้า หรือตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย ร้านค้าทั่วไปและโมเดิร์นเทรด จำนวน 500 รายในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่นในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมีแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2563-กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทเตรียมงบประมาณในการส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้ากว่า 5 ล้านบาท ได้แก่ จับรางวัลชิงโชครับรางวัลใหญ่ อาทิ รถกระบะ, รถจักรยานยนต์, ทองคำ และรับฟรีเสื้อฟุตบอลเมื่อซื้อสินค้าครบ 5000 บาท เป็นต้น ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้จัดเตรียมงบประมาณจำนวน 3 ล้านบาท สำหรับคู่ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายโดยให้นำไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การทำโปรโมชัน ณ จุดขายของร้านค้า และส่วนลดรายการสินค้าต่างๆ เป็นต้น ขณะที่ ในส่วนของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือดีเวลลอปเปอร์ บริษัทจะใช้กลยุทธ์การเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนซึ่งกันและกัน

“เรามีแผนงานที่เข้มข้นสำหรับปี 2563 แต่เมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่เกือบทั้งหมด โดยแผนงานที่วางไว้หลายๆ ด้าน ได้มีการเลื่อนออกไป อย่างเช่น แผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ เป็นต้น ในทางกลับกัน เราเน้นให้ความช่วยเหลือคู่ค้าหรือตัวแทนจำหน่าย โดยการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายต่างๆ และได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งเราไม่ได้มองในเรื่องของผลกำไร หรือการเจริญเติบโต แต่จะมองว่าทำอย่างไรให้คู่ค้าของเราสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี ในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติ

สำหรับทิศทางนับจากนี้ไป ยังคงเน้นนโยบายนี้เป็นหลัก โดยตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปีนี้จนถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า เราได้เตรียมงบประมาณส่งเสริมการขายจำนวน 8 ล้านบาทสำหรับร้านค้าทั่วไปและโมเดิร์นเทรด ส่วนดีเวลลอปเปอร์ เราจะเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ซึ่งเราให้ความสำคัญในเรื่องของการทำการตลาดร่วมกัน รวมทั้งการส่งมอบสินค้าคุณภาพและบริการที่ดีทั้งกับพาร์ทเนอร์ จนกระทั่งเจ้าของบ้านผู้อยู่อาศัย โดยทั้งหมดนี้จะทำให้ทั้ง เรา ร้านค้าทั่วไป โมเดิร์นเทรด และดีเวลลอปเปอร์สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน” คุณพิชิตกล่าว

คุณพิชิต กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมูลค่าสีทาอาคารในประเทศไทยจะอยู่ที่ 18,000 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2563 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด 10% หรือเป็นผู้นำอันดับ 3 ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายสี โดยตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 ส่วนในปี 2564 บริษัทวางแผนให้มีอัตราการเจริญเติบโตในแง่ของยอดขายเพิ่มจากปี 2563 อีก 15%

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี  2564 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับตัวแทนจำหน่ายร้านทั่วไปเป็นหลัก เนื่องจากเล็งเห็นว่ายังมีโอกาสและมีช่องทางในการทำตลาดที่โจตันอาจยังเข้าไปไม่ถึงอีกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อมาเติมเต็มความต้องการในตลาดอีกหลาย ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายประมาณ 35-50 ราย ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหัวเมืองหลัก และหัวมืองรองทั่วทั้งประเทศ

คุณพิชิต กล่าวต่อว่า ธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีในประเทศไทยมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการขยายไลน์ธุรกิจหลากหลายกลุ่ม เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ แต่ในส่วนของโจตันจะยังคงยึดมั่นในธุรกิจสีที่เรามีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้ผลิตที่ติดอยู่ในระดับ Top 10 ของโลก ซึ่งเราเป็นบริษัทข้ามชาติ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ เรามีการกระจายกลุ่มธุรกิจออกไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจอยู่แล้ว อาทิเช่น กลุ่มสีทาอาคาร กลุ่มสีทาเรือ กลุ่มสีอุตสาหกรรม และกลุ่มสีผง ซึ่งทั้งหมดนี้เราติดอยู่ในกลุ่มผู้นำตลาดทั้งระดับประเทศและระดับโลกเช่นกัน ดังนั้นเราจึงเป็นบริษัทฯที่มีความแกร่งและพื้นฐานที่ดีในอุตสาหกรรมนี้

บริษัทยังมีอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น คือ การให้ความสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจในการคัดเลือกเฉดสี โดยจะมีการสร้างศูนย์ผสมสี หรือ Jotun Color Center ให้แก่ร้านค้าทั่วไปและโมเดิร์นเทรด ซึ่งจะมีตัวอย่างเฉดสีสำหรับทาอาคาร ขนาดโปสการ์ดแจกฟรีให้กับลูกค้าซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในแต่ละปี เพื่อให้ลูกค้าและสถาปนิกสามารถเลือกเฉดสีและคู่เฉดสีที่ต้องการได้ทันที โดยใช้งบประมาณลงทุนในการดำเนินการ 500,000 - 1,000,000 บาทต่อร้านค้า

ขณะเดียวกัน ในทุกๆ ปี โจตันจะมีการเปิดตัว Color Global Trend ซึ่งประกอบด้วย โทนและเฉดสีใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการคัดเลือกเฉดสีให้แก่ลูกค้า สถาปนิกชั้นนำ รวมทั้ง ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับ Color Global Trend 2021 ได้มีการเปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการจัดเทรนสีระดับโลกออกเป็น 4 ธีม 4 เรื่องราว ภายใต้แนวคิด Rediscover อาทิเฉดสีเอิร์ธโทนรัสติก, เฉดสีกลางที่นุ่มนวล, เฉดสีโทนสีฟ้าปลอดโปร่ง และเฉดสีพาสเทลชวนฝันปลดปล่อยจินตนาการ โดยลูกค้าสามารถติดต่อขอตัวอย่างเฉดสีได้ที่ตัวแทนจำหน่ายสีทั่วประเทศ

คุณพิชิต กล่าวในตอนท้ายว่า บริษัทอยากจะแนะนำและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการโรงแรม หรือร้านอาหาร ซึ่งตั้งอยู่ในโซนพื้นที่การท่องเที่ยว โดยช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงโอกาสที่ดีสำหรับการรีโนเวท หรือทาสีอาคารใหม่ ขณะที่ ราคาต้นทุนสีไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแผนงานที่บริษัทจะนำเสนอให้แก่ผู้ประกอบการเหล่านี้ เพื่อให้เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับลูกค้าหรือนักท่องเที่ยว ภายหลังจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มกลับมาเป็นปกติ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าประเทศไทยจะเป็นทางเลือกแรกที่นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาท่องเที่ยว และเศรษฐกิจจะกลับมาบูมอีกครั้งเหมือนกับทุกๆครั้งที่มักจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

www.jotun.com