คุณสารัตน์ ซึ้งไพศาลกุล ผู้ก่อตั้ง/กรรมการ บริษัท โมเดิร์น สยาม พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ลีเกิล จำกัด 

คุณสารัตน์ ซึ้งไพศาลกุล ผู้ก่อตั้ง/กรรมการ บริษัท โมเดิร์น สยาม พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ลีเกิล จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์และแรงบันดาลใจในการก่อตั้งบริษัทว่า เนื่องจาก ตนมีความชื่นชอบในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีการเติบโตมาจากสายงานธุรกิจก่อสร้าง โดยได้เข้าไปช่วยคุณพ่อดำเนินงานธุรกิจครอบครัว ในนามบริษัท พรเจริญ ก่อสร้าง จำกัด ที่มีประวัติการก่อตั้งเริ่มต้นทุนจดทะเบียนเมื่อปี 2535 และปีนี้ย่างก้าวสู่ปีที่ 30 ประกอบกับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอีกหนึ่งท่าน คือ คุณบุษบา ไผ่ประดับ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านงานกฎหมาย  ดังนั้น จึงเป็นความลงตัว ทั้งด้านความชื่นชอบ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการทำงาน

โดยเส้นทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มต้นในปี 2561 ซึ่งนับเป็น 4 ปีแห่งความเข้มข้น เนื่องจากเศรษฐกิจมีความผันผวนมาโดยตลอด ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายในช่วง 3-5 ปีแรกเป็นช่วงของการสั่งสมความรู้ สั่งสมประสบการณ์ และช่องทางในการดำเนินงาน ต่อจากนั้นจะเป็นการนำสิ่งต่างๆ มาต่อยอดธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือดีเวลลอปเปอร์ในอนาคต

สำหรับธุรกิจเริ่มแรกของบริษัท คือ ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายทางธุรกิจ เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ทั่วไป รวมถึง นิติกรรมสัญญา เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการ SMEs นอกจากนี้ ยังรวมถึง ลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนประมาณ 50 ล้านบาทด้วยเช่นกัน

ด้านความมุ่งมั่นในการพัฒนาของบริษัท จะเน้นการสร้างมูลค่าให้แก่องค์กร ประกอบด้วย การดำเนินงานให้เป็นที่ประจักษ์ โดยให้ทุกคนมองเห็นถึงภาพจริง ซึ่งสะท้อนถึงผลงานคุณภาพ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีผลงานงานด้านกฎหมายที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทุกแขนงเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการบอกต่อถึงความสำเร็จแบบปากต่อปาก รวมทั้ง จะมีนโยบายในการรับงานในศักยภาพที่องค์กรสามารถรองรับและดำเนินการได้

ขณะที่ การเติบโตขององค์กรได้มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังไม่อยู่ในระดับที่พึงพอใจ เนื่องจาก บริษัทยังขาดความรู้ และความเข้าใจในอีกหลายมิติ อย่างไรก็ตาม บริษัทภูมิใจในสิ่งที่เป็นอยู่ โดยได้มีการดำเนินงานด้วยตนเองในทุกๆ กรณี และรู้ลึกในสิ่งที่ดำเนินการ

ขณะเดียวกัน เป้าหมายการดำเนินงานในช่วงปี 2564-2565 บริษัทจะโฟกัสไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก เนื่องจาก บริษัทมีฐานธุรกิจมาจากงานรับเหมาก่อสร้างเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น จึงต้องการจะขยับมาเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือดีเวลลอปเปอร์ เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายขององค์กร โดยในปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการโครงการแรก คือ ยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) ซึ่งพัฒนาบนพื้นที่ของครอบครัวประมาณ 2 ไร่ เริ่มดำเนินการเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา

โดยโครงการยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) ได้รับการพัฒนาในรูปแบบตลาดนัดสมัยใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ตลาดสไตล์คาเฟ่ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดกว้าง ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ สอดรับกับสภาพของพื้นที่ดั้งเดิม และได้เปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้า โดยใช้งบลงทุนกว่า 2 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) ปัจจุบัน การดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ด้านวัตถุประสงค์ในการพัฒนาโครงการยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) เนื่องจาก บริษัทต้องการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้ที่พักในบริเวณพื้นที่โดยรอบและใกล้เคียงโครงการในการจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อสินค้าที่มีความหลากหลายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป ค่อนข้างเงียบและไม่มีร้านจำหน่ายสินค้า จึงทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวประสบปัญหาในการเลือกซื้อสินค้า ทั้งนี้ หากท่านใดมีความจำเป็นต้องซื้อสินค้า จะต้องเสียเวลาในการเดินทางเข้าไปยังตัวเมือง ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 30 กิโลเมตร

“จริงๆ แล้วเป้าหมายหลักของเรา ถ้าไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 เรายังมีแผนรีโนเวทบ้านขายด้วย ซึ่งต้องชะลอในเรื่องดังกล่าวออกไป โดยยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) ถือเป็นโครงการแรกของเรา ขณะนี้ การดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งหมด เดิมเรามีแผนเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เราจึงเลื่อนมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสอดรับนโยบายของภาครัฐ

แรงบันดาลใจในการพัฒนาโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจาก ครั้งหนึ่ง ตนมีความต้องการซื้อรองเท้า แต่ไม่มีร้านจำหน่าย ดังนั้น จึงมีแนวคิดในการพัฒนาโครงการนี้เพื่อเป็นคอมมูนิตี้ในการจับจ่ายใช้สอยให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณองค์การบริหารส่วนตำบนดอนทราย (ปากท่อ ดอนทราย) โดยเป้าหมายปีแรกในการเปิดให้บริการ เราต้องการให้มีพื้นที่เช่าประมาณ 60% และสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 3 ปี” คุณสารัตน์กล่าว

ส่วนแผนการพัฒนาโครงการในอนาคต จะดำเนินการในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ โดยขณะนี้ มีพื้นที่รองรับอยู่แล้วประมาณ 20 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโครงการยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) และมีระยะห่างไม่เกิน 200 เมตร ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านเกิดในต่างจังหวัด ดังนั้น บริษัทต้องการให้คนเหล่านี้มีความสะดวกในการเลือกจับจ่ายสินค้าตามที่ต้องการอย่างไม่ขาดแคลน

โดยคอมมูนิตี้มอลล์ จะเป็นโครงการรูปแบบใหม่ในโซนปากท่อ ราชบุรี และนับเป็นก้าวแรกของบริษัทที่มีจุดประสงค์ก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ หรือดีเวลลอปเปอร์ ซึ่งจะเป็นการไต่ระดับจากคอมมูนิตี้มอลล์ไปยังโครงการต่างๆ ที่ขนาดใหญ่และมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น หรือ เรียลอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เนื่องจาก บริเวณดังกล่าวจะไปบรรจบกับสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายสีแดง ตลิ่งชัน ซึ่งจะเป็นจุดโลจิสติกส์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง และจะส่งผลให้คอมมูนิตี้มอลล์ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นเดียวกัน

“เราคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4-5 ปีในการยกระดับเป็นดีเวลลอปเปอร์ระดับโลคอล ซึ่งหลังจากโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แล้ว เราจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบในต่างจังหวัด เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะตนเติบโตมากับการสร้างบ้านแนวราบมาโดยตลอด และมีความรู้ มีประสบการณ์ รวมถึง มีความเข้าใจพฤติกรรมความต้องการบ้านของคนต่างจังหวัดเป็นอย่างดี โดยจะสร้างบ้านในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งนับเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เรามีการเติบโตไปได้ด้วยดี” คุณสารัตน์กล่าว

คุณสารัตน์ กล่าวต่อถึงสิ่งที่อยากฝากถึงผู้ที่มีความสนใจโครงการยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) ว่า ยามเย็นวิลล่า@ปากท่อ (Yarm Yen villa@paktho) นับเป็นโปรเจคไฮไลท์ของบริษัท โดยอยากจะได้รับกำลังใจจากผู้ที่สนใจทุกคน ถึงแม้ว่าวอลุ่มงานจะไม่สูงมาก แต่นับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท ซึ่งได้เริ่มต้นตั้งแต่การฟันต้นไม้ต้นแรก ขณะที่ งานด้านกฎหมายหรืองานด้านนายหน้า บริษัทสามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว พร้อมทั้งอยากจะฝากถึงผู้อ่านทุกท่านว่า อยากให้ยึดมั่นในสิ่งที่เชื่อ โดยจะต้องมีการวางแผนอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้ หากไม่สามารถวางแผนให้เป็นรูปธรรมได้ จะถือเป็นเพียงความเพ้อฝัน

สำหรับภาพรวมแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 คุณสารัตน์กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ เราจะมองเห็นการขยับตัวในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน เงินทุน หรืองบประมาณต่างๆ ที่มีการเคลียร์ปีต่อปี รวมถึง แผนการลงทุนที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้มีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นเวลาหลายปี ประกอบกับภาครัฐได้มีการเปิดช่องทางให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้

โดยทั้งหมดจะส่งผลให้การเติบโตของภาคธุรกิจอสังริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้มีมากพอสมควร ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการทยอยเปิดตัวโครงการ หรือขยายไซต์งานอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การเปิดตัวโครงการของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 700-800 ยูนิต เป็นต้น ขณะเดียวกัน โครงการ EEC สามารถเดินหน้าไปได้เช่นกัน จึงทำให้เม็ดเงินจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก

www.modern-siam.com