เจียไต๋ตอกย้ำจุดยืนผู้นำเมล็ดพันธุ์ ผนึกกำลังเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ในงานประชุมธุรกิจเมล็ดพันธุ์แห่งเอเชียและแปซิฟิก
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย ตอกย้ำจุดยืนผู้นำในตลาดเมล็ดพันธุ์ แสดงศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงสายพันธุ์พืชคุณภาพสูง มุ่งเป้ายกระดับวงการเกษตรไทย ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ในภูมิภาค ในงานประชุมธุรกิจเมล็ดพันธุ์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2565 (Asian Seed Congress 2022 - ASC) จัดโดยสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (APSA) และสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย (THASTA) ระหว่างวันที่ 14-18 พฤศจิกายน 2565 ณ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
บริษัท เจียไต๋ จำกัด นำโดยนายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร พร้อมคณะผู้บริหารร่วมในงานประชุมธุรกิจเมล็ดพันธุ์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2565 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกระดับเป้าหมายความมั่นคงอาหารของไทย เสริมสร้างศักยภาพ และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการปรับปรุงพันธุ์พืช การผลิต การค้าเมล็ดพันธุ์ในระดับภูมิภาค มุ่งสู่ "ผู้นำการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชเขตร้อนชื้นของโลก" โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,100 ราย จาก 50 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ในการประชุมดังกล่าว เจียไต๋ยังได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการเมล็ดพันธุ์ เจียไต๋ อ้อมน้อย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม ASC 2022 Post-Congress Tour ต้อนรับคณะสมาชิกสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิกกว่า 150 ท่าน เข้ารับชมเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ล้ำสมัย รวมถึงห้องวิจัยเมล็ดพันธุ์คุณภาพที่ได้รับรองมาตรฐานจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ International Seed Testing Association (ISTA) หรือ ISTA ซึ่งถือได้ว่าเจียไต๋เป็นหนึ่งในบริษัทไทยรายแรกๆ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลนี้
การประชุมธุรกิจเมล็ดพันธุ์แห่งเอเชียและแปซิฟิกในครั้งนี้ นับว่าเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มสมาชิกจากหลากหลายประเทศที่ต่างมุ่งเป้าหมายเดียวกันในการร่วมพัฒนาวงการเกษตร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน และเพื่อรับมือกับความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ส่งผลโดยตรงต่อการเพาะปลูก ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์และพันธกิจของเจียไต๋ ในการคิดค้น เสาะหาเทคโนโลยี และโซลูชั่นทางการเกษตร เพื่อนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในการแก้ปัญหาด้านเกษตรกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน