“บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค” หนึ่งในผู้นำธุรกิจเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ
ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขาย IPO ไม่เกิน 150 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ เวชสำอาง เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำของประเทศไทย ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขาย IPO ไม่เกิน 150 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ชูประสบการณ์กว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้วยมาตรฐานการผลิตที่มีความปลอดภัยและได้คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น
ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบพัฒนาสูตรตำรับยาตามหลักการเภสัชกรรม การคัดสรรวัตถุดิบ การควบคุมและตรวจสอบขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและได้คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล ซึ่งปัจจุบันได้ผลิตและจำหน่ายยาสามัญแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องมือแพทย์ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ (Business to Business : B2B) ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน บริษัทเอกชนและร้านขายยาค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (Business to Consumer: B2C) ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ผ่านทาง BKD Viva Healthy at Home
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceuticals) ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ประกอบด้วย เวชภัณฑ์ยาสามัญแผนปัจจุบัน (Generic Drugs) ที่บริษัทฯ ผลิตตามสูตรยาต้นตำรับ (Originator Drugs) หรือยาจดสิทธิบัตร (Patented Drugs) ที่สิทธิบัตรหมดอายุการคุ้มครองไปแล้ว โดยเน้นกลุ่มยาที่รักษาโรคไม่ติดต่อ (Non-communicable Diseases) เช่น กระดูกและข้อ ผิวหนัง ทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (Herbal Medicines) เป็นยาที่ผลิตโดยนำสารสกัดจากสมุนไพรจากวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศ เช่น พริก ไพล กระชายดำ ว่านหางจระเข้ เพื่อนำมาผลิตเป็นยาสำหรับผู้บริโภคที่รักษาโดยการแพทย์ทางเลือก เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ (Animal Medicines) ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เศรษฐกิจ เช่น สุกร สัตว์ปีก โคนม และสัตว์น้ำ เป็นต้น เพื่อรักษาโรคติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นในฟาร์มปศุสัตว์
(2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา (Non–Pharmaceuticals) ประกอบด้วย เวชสำอาง (Cosmetic) ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ สำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกายในรูปแบบต่างๆ เช่น
ครีม ขี้ผึ้ง เจล เป็นต้น รวมทั้งรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับผู้ที่ต้องการทำสินค้าเป็นของตนเอง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูก และบำรุงสายตา ในรูปแบบต่างๆ เช่น ชนิดเม็ด ชนิดผง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ เจลหล่อลื่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และสเปรย์ฉีดกันยุง เป็นต้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของงานวิจัยที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยา จึงก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นผลิตยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) รวมทั้งรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากหน่วยงานวิจัยต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพร ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลเหมือนยาแผนปัจจุบัน ทำการศึกษาทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิผลการรักษา เป็นที่ยอมรับของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น ลดการพึ่งพิงการนำเข้ายาหรือนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
“BLC ดำเนินธุรกิจยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร ด้วยการวิจัยพัฒนา ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง และรับจ้างผลิตให้กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนมุ่งเน้นพัฒนากระบวนการผลิตให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากล เช่น GMP, ISO9001, ISO/IEC17025, ISO22000, GHP และ HACCP เป็นต้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่ยอมรับในความปลอดภัยและให้คุณประโยชน์แก่ผู้บริโภค ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัทฯ และยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยเน้นหลักบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน” ภก. สุวิทย์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ แบ่งเป็น 1) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
2) ผู้ถือหุ้นเดิมคือ Viva Sonata Pte., Ltd. เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนโครงการในอนาคต จ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน และ/หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ